“ข่าวลึกปมลับ” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม 2565 ตอน พี่น้อง 3 ป.ร้าว ยิ่งเดินยิ่งห่าง พลังประชารัฐลดไซส์
ตั้งแต่ บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม คัมแบ็ก ระยะห่างของ 3 ป. ดูจะฉีกออกจากกันมากขึ้น
เริ่มตั้งแต่การที่ บิ๊กตู่ พูดกับผู้ว่าราชการจังหวัดก่อนลงพื้นที่กรวดน้ำท่วมที่ จ.อุบลราชธานี ว่า ไม่ต้องมีป้ายมาต้อนรับ ตัวเองแข็งแรงสมบูรณ์ดี จนถูกมองว่า เป็นการแซะ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
ปรากฏว่า เช้าอีกวัน บิ๊กป้อม ลาการประชุมคณะรัฐมนตรี อ้างว่าป่วยจากการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา จนถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไข้การเมือง
ขณะที่อีกวัน พี่กับน้องเหมือนแยกกันเดิน เหินห่างกันไปเรื่อยๆ บิ๊กตู่ ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วม จ.เพชรบูรณ์ ขณะที่ บิ๊กป้อม ลงพื้นที่ จ.ปทุมธานี
ที่น่าจับตาคือ คณะติดตาม เจ้าถิ่น จ.เพชรบูรณ์อย่าง สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้เดินทางไปต้อนรับ บิ๊กตู่ แต่มาเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส..ภาคเหนือของพรรค ต่อด้วยการติดตามคณะของ บิ๊กป้อม ลงพื้นที่ จ.ปทุมธานี
ตามกระแสข่าวที่ออกมาภายหลัง บิ๊กป้อม ส่งสัญญาณให้ สันติ ไม่ต้องเดินทางไป จ.เพชรบูรณ์ แต่ให้มาเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือ ที่ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ
ในนัยยะของ สันติ ที่ตอนแรกเตรียมจะเลื่อนการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ภาคเหนือของพรรคไปก่อน เพื่อจะไปต้อนรับ บิ๊กตู่ ที่ จ.เพชรบูรณ์ แต่ต้องเบรกอยู่ที่ กทม. มุมหนึ่งอาจมองได้ว่า บิ๊กป้อม ต้องการตอบโต้ภาวะเลือดไหล หลังจากลูกพรรคแห่ไปแฮปปี้เบิร์ธเดย์ เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย จึงต้องเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.โชว์ให้เห็นว่า มีคนเข้า ไม่ได้มีแต่คนออก
กับอีกมุมหนึ่ง ไม่ต้องไปให้ความสำคัญต้อนรับ บิ๊กตู่ แต่ให้มาติดตาม บิ๊กป้อม ที่กำลังจะลงพื้นที่ จ.ปทุมธานี แม้เป็นแง่ลบ แต่มองข้ามนัยยะนี้ไม่ได้เหมือนกัน
ต้องยอมรับว่า ท่าทีของพี่น้อง 2 ป. มันดูไม่สนิทใจเหมือนเดิม อย่างที่มีคนตั้งข้อสังเกตตั้งแต่แรกว่า การวินิจฉัยให้ระยะเวลาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ บิ๊กตู่ เริ่มตอนปี 2560 มันไม่ต่างอะไรกับบีบทางเดินให้แคบลง เพราะเหลืออายุการใช้งานอีกแค่ 2 ปี
อย่างไรเสีย บิ๊กตู่ ต้องคิดว่ามันมีกระบวนการสมรู้คิดลิขิตอายุการทำงานของตนเอง
ช่วงระหว่างหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ มันเห็นกันได้ชัดว่า มีขบวนการปลุกปั้น บิ๊กป้อม แบบออกนอกหน้านอกตา เสมือนว่า ปูทางสู่การเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคต ขณะที่วงในลือกันให้แซ่ด มีบิ๊กข้างตัว บิ๊กป้อม ไปพูดกับข้าราชการ ให้เลือกข้างให้ถูก !
เรื่องพวกนี้ บิ๊กตู่ เห็น และมีคนรายงานให้รู้หมด จึงไม่แปลกพอมีโอกาสพูดจึงสวมบทชาวแซะ ทั้งเรื่องป้าย เรื่องสุขภาพ
และแม้วันนี้บางคนในพรรคพลังประชารัฐ จะพูดว่ายังสนับสนุน บิ๊กตู่ แต่นั่นเป็นการพูดตามหน้าเสื่อ เพราะวันนี้ยังเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ในข้อเท็จจริงมันมีความไม่แน่นอนอยู่
บิ๊กตู่ เหลืออายุการใช้งานอีกแค่ 2 ปีเศษๆ ประกอบกับกระแสที่ดิ่งลงเหว ขืนเสนอไปเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกรอบ เสียเปรียบฝ่ายตรงข้ามเต็มประตู
ขณะที่ตัว บิ๊กป้อม แม้ลูกพรรคพลังประชารัฐอยากจะเสนอให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ต้องยอมรับอายุอานามปีนี้ปาเข้าไป 77 ปี อยู่อีก 4 ปีหนึ่งเทอม ก็ 81 ปีพอดี ไม่สอดคล้องกับความนิยมในปัจจุบันที่ต้องการคนรุ่นใหม่ ภาพลักษณ์ทันสมัย เพื่อเอาเข้ามาแก้ปัญหา
ฉะนั้น ไม่ว่าจะเสนอใคร พรรคพลังประชารัฐยากจะประสบความสำเร็จเหมือนกับตอนเลือกตั้งปี 2562
และนั่นทำให้ ส.ส.หลายคนเลือกที่จะหันไปซบชายคาบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เพราะดูมีอนาคตมากกว่า การันตีการเป็นรัฐบาลเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์
ประกอบกับที่ผ่านมา พรรคภูมิใจไทยเลี้ยงดูปูเสื่อ ส.ส.อย่างดี ถึงขนาดครั้งหนึ่ง ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐต้องเอามาบอก บิ๊กป้อม เพื่ออัพค่าดูแลรายเดือนให้เท่าเทียม ไม่ให้เสียเครดิตพรรคอันดับหนึ่งของรัฐบาล
ตอนนี้ที่ย้ายแน่ๆ เกือบครึ่งค่อนข้างพรรค พวกเปิดตัวไปแล้วมีหลักสิบ แต่ที่ยังไม่เปิดตัวอีกไม่รู้เท่าไหร่ ตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า พวกนี้วางโปรแกรมกันไว้เดือนธันวาคม
ด้านตัวผู้สมัคร ส.ส.ที่เข้ามาก็ไม่ได้เป็นบิ๊กเนมอะไร ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.สอบตก หรืออดีต ส.ส.ที่ไม่ได้เข้าสภามาเป็นสิบๆ ปี ดูแล้วสู้ลำบาก
จับปฏิกิริยาผู้มีอำนาจ การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคพลังประชารัฐอาจเปลี่ยนยุทธศาสตร์ใหม่ อาจลดขนาดเป็นแค่พรรคขนาดกลางถึงขนาดเล็ก ให้มี ส.ส.ในมือไว้เพื่อต่อรองกระทรวงสำคัญ
ตัวเลข 50-60ที่นั่ง น่าจะเป็นเป้าหมาย เพราะเป็นจำนวนที่ใช้ต่อรองโควตารัฐมนตรีได้ โดยเฉพาะกระทรวงเกรดเออย่างกระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกลาโหม
แม้จะเป็นตัวเลขที่เล็ก แต่อย่าลืมว่า หากรอบหน้าพรรคภูมิใจไทยมาอันดับหนึ่งจริง หากหวังจะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องพึ่งบารมี บิ๊กป้อม และ ป.ที่สี่ เพื่อทำให้ถึงฝั่งฝัน
บิ๊กป้อม และป.ที่สี่ มีรีโมตคอนโทรล ส.ว. 250 คนอยู่ ใครคิดอยากจะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องฝ่าด่านนี้ให้ได้
แน่นอนว่า ระดับ บิ๊กป้อม และ ป.ที่สี่ จะให้ไปนั่งกระทรวงเล็กๆ คงไม่สมศักดิ์ศรี เก้าอี้ รมว.มหาดไทย และ รมว.กลาโหม น่าจะต้องยอมให้
อย่างที่รู้กันในพรรคพลังประชารัฐต้องการให้ บิ๊กป้อม นั่งคุมกระทรวงมหาดไทยมานานมาก เพื่อใช้ชิงความได้เปรียบในพื้นที่ให้กับ ส.ส. ดังนั้น หากพรรคพลังประชารัฐกลายเป็นพรรคขนาดเล็กขนาดกลางจริง เป้าหมายน่าจะอยู่ประมาณนี้
-------------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1