รายการ “ถอนหมุดข่าว”เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันจันทร์ที่ 26 กันยายน 2565 นำเสนอรายงานพิเศษ อลัชชี ฉะ บัณเฑาะก์ เดือด ย่ำยีใจคนพุทธ แบบไหนชั่วกว่ากัน!?
“พระชาตรี เหมพันธ์” อยู่ดีไม่ว่าดี ทำตัวเหมือนเด็กเอานิ้วไปแหย่ปลั๊กไฟเล่น ตอนนี้เลยเจ็บหนัก โดนขุดพฤติกรรมฉาวโฉ่ในผ้าเหลืองออกมา ยืดยาวเป็นหางว่าว
เล่นเอาชาวพุทธอึ้งเป็นแถว พระที่มีประวัติโลดโผนขนาดนี้ นอกจากยังเป็นพระอยู่ได้ โดยไม่มีใครแตะต้อง แต่ยังเจริญก้าวหน้า เป็นถึงเจ้าอาวาสวัดพุทธวิหาร วัดไทยแห่งเดียวในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย
ขนาดพระชาตรีรีบหย่าศึกน้ำลายกับ “แพรรี่ ไพรวัลย์” ถึงขนาดเอ่ยปากขออโหสิ ที่ได้ไป Live สดพาดพิง
แต่นั่นก็สายไปแล้ว “เครื่องด่า” ยี่ห้อ แพรรี่ ไพรวัลย์ สตาร์ทติดแล้ว ฟาดแบบเอาตาย ขุดวีรเวรอื้อฉาวของพระชาตรี มาประจานเละ
ไปโหนแพรรี่ เพื่อจะเอาแสงจากแพรรี่ เลยได้แสงสมใจ ถ้าพระชาตรีกรอเข็มนาฬิกาย้อนเวลาได้ คงทำไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม งานนี้ก็เป็นการจุดประเด็นให้ถกเถียง ระหว่างพระอลัชชี กับพระตุ๊ดเณรแต๋ว ใครทำร้ายพุทธศาสนามากกว่ากัน?
คนไทยโดยทั่วไป รับรู้ว่า กะเทย หรือ “บัณเฑาะก์” เป็นบุคคลต้องห้ามตามพระธรรมวินัยมาแต่สมัยพุทธกาล คือ ห้ามบวชเป็นพระ
กะเทยที่มาบวช ถึงขั้นถูกวิจารณ์ว่า “ผิดตั้งแต่บวช” เลยทีเดียว
แต่เรื่องของกะเทยห้ามบวช ปัจจุบันก็ค่อนข้างเคลียร์แล้ว ว่าเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน เนื่องจากมีการสังคายนาลงไปในรายละเอียดว่า ในบรรดาบัณเฑาะก์ที่มีอยู่ 5 ชนิด มีสิทธิ์ในศาสนาพุทธต่างกัน
บัณเฑาะก์แบบกะเทย ตุ๊ด แต๋ว สามารถบวชได้แน่นอน แต่พวกที่ถูกห้ามเด็ดขาด คือพวกที่มีร่างกายไม่สมประกอบ คือไม่มีอวัยวะเพศ หรือมี แต่ถูกหั่นทิ้งไปแล้วอย่างพวกขันที
เพียงแต่กะเทยที่บวชแล้ว ก็ต้องทิ้งกิเลศตัณหาแบบปุถุชนทิ้งไป เพื่อครองสมณเพศอย่างเคร่งครัด ดังนั้นไม่ว่ากะะเทยหรือชายแท้ เมื่ออยู่ในผ้าเหลือง ถือว่าไม่ต่างกัน
เมื่อสืบค้นย้อนไปสมัยพุทธกาล ว่าเหตุผลอะไร พระพุทธเจ้าจึงห้ามบัณเฑาะก์บวช ก็พบว่าเคยมีบัณเฑาะก์แสบ บวชแล้วไปหลับนอนกับคนเลี้ยงช้างเลี้ยงม้า แล้วเที่ยวโพนทะนาใส่ร้ายว่า พระสงฆ์โดนเขา “ล่าแต้ม” ด้วย ทั้งที่ไม่จริง
บัณเฑาะก์เลยโดน “แบน” มาตั้งแต่บัดนั้น กลายเป็นบทบัญญัติในพระธรรมวินัยมา 2 พันกว่าปี
ขณะที่โลกปัจจุบัน ให้ความยอมรับความหลากหลายทางเพศ การยอมให้กระเทยบวชได้ จึงไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอีกต่อไป
เพียงแต่กะเทยในผ้าเหลืองนั้น ไม่ควรมีพฤติกรรมอื้อฉาวอย่างที่เคยเป็นข่าว คือจับกลุ่มห่มจีวรที่ดีไซน์เป็นแฟชั่น แต่งหน้าทาปาก มาถ่ายรูปอวดชาวโลก แบบนั้นก็ทำร้ายจิตใจชาวพุทธเกินไป
อีกทั้งต้องไม่มั่วสุมทางเพศกันเองในวัด อย่างที่ชาวพุทธทั่วไปหวาดระแวง
สมัยเป็นพระมหาไพรวัลย์ วรรณบุตร เขาเองก็วางตัวชัดเจน ไม่ได้แสดงออกถึงรสนิยมทางเพศ ที่เป็นการย่ำยีพุทธศาสนา
แต่เมื่อสลัดผ้าเหลืองมาเป็นฆราวาสแล้ว อดีตพระมหาไพรวัลย์ จะเปลี่ยนลุคหลุดโลก เป็นสาว เป็น แพรรี่ ไพรวัลย์ ให้ผู้คนตาค้าง มันก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล
ใครแหลมวิจารณ์เขาเรื่องนี้ จะโดนจัดหนักกลับจนร่วงไปทุกราย แม้แต่ “เครื่องด่า” ที่น่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่าง “ลีน่าจัง” ก็ยังโดนน็อคด้วย “เครื่องด่า” ยี่ห้อ “แพรรี่” มาแล้ว
จะฟันธง อลัชชีกับบัณเฑาะก์ ใครทำร้ายศาสนามากกว่ากัน ต้องพิจารณาดีๆ ถึงพฤติกรรมส่วนตัว
อย่างพระที่ยักยอกเงินวัด 4 ล้าน จนถูกปลด และยังมีคดีคาศาล จริงๆ ก็เข้าข่ายปาราชิก หมดสภาพจากความเป็นพระทันทีไปแล้ว
พระที่ถ่ายรูปโชว์มัดกล้าม โชว์เจ้าโลกให้สาวๆ ดู นี่ก็เลวระยำยิ่งกว่าคนธรรมดาสามัญ
พระที่โกหกสร้างเรื่องใส่ร้ายเจ้าอาวาส เกณฑ์คนมาขับไล่ เพื่อยึดตำแหน่งเป็นของตัวเอง ท่านไม่มีแม้แต่ความเป็นคน อย่างว่าแต่จะเป็นพระ
พระที่ส่งนักเลงไปกระทืบสั่งสอนพระด้วยกัน เลวร้ายเกินจินตนาการ ราวกับเป็นเจ้าพ่อมาเฟียห่มจีวร
พระที่ใช้ผ้าเหลืองหากินกับภาพลวงตา มีเหยื่อทั้งคนไทยและต่างชาติ นี่ก็เข้าข่ายเหลือบที่ดูดกินเลือดพุทธศาสนา
บทสรุปของเรื่องนี้ก็คือ ไม่ว่าปูมหลังจะเป็น “ชายแท้” หรือ “ชายใจหญิง” เมื่อได้บวชเป็นภิกษุสงฆ์แล้ว พฤติกรรมส่วนตัวต่างหากที่จะเป็นตัวชี้วัด ซึ่งจะมีอะไรเลวร้ายเท่าอลัชชี
--------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1