MGR Online - ปคบ.บุกจับคลินิกเสริมความงามเถื่อน ย่านสยามแสควร์-รวบ 2 หมอกระเป๋ารับฉีดโบท็อกซ์ ฟีลเลอร์ ให้ลูกค้า
วันนี้ (21 ก.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ธรากร เลิศพรเจริญ รอง ผบก.ปคบ.พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ ผกก.4 บก.ปคบ. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ, นายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นแพทย์เสริมความงาม จำนวน 2 คดี ผู้ต้องหารวม 3 ราย
พ.ต.อ.เนติ กล่าวว่า คดีแรกเจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ปคบ. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่จากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) นำหมายค้นศาลแขวงปทุมวัน ที่ 3/2565 ลงวันที่ 13 ก.ย. 2565 เข้าตรวจค้นสถานพยาบาลเสริมความงามแห่งหนึ่งภายในสยามแสควร์ แขวงปทุมวัน หลังทราบว่า มีการใช้แพทย์ปลอมทำการรักษาประชาชน เมื่อไปถึงพบ นายพูนศักดิ์ แก้วจอมแปง อายุ 37 ปี ผู้ต้องหา กำลังทำการรักษาประชาชนที่มาใช้บริการ เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบก่อนพบว่าไม่ใช่แพทย์จริง ขณะเดียวกัน จากการสอบปากคำ นายพูนศักดิ์ เองก็ยอมให้การรับสารภาพว่าตนเรียนจบปริญญาตรีทั่วไป ไม่ได้จบแพทย์ แต่อาศัยประสบการณ์ว่าเคยมีความรู้ทางด้านการพยาบาลมาก่อน รวมถึงเคยเป็นเซลส์ขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ และมีความชอบด้านความสวยความงาม อีกทั้งมีความฝันว่าอยากเป็นแพทย์เสริมความงาม ประกอบกับคนที่เคยรับบริการบอกว่ามีฝีมือดี จึงได้กระทำการดังกล่าวเรื่อยมานานประมาณ 1 ปี จนกระทั่งถูกจับกุม เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหา “ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมฯโดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต” ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พ.ต.อ.เนติ กล่าวต่อว่า ส่วนอีกคดี เจ้าหน้าที่ กก.4 บก.ปคบ. จับกุม น.ส.กัลยา หลักบึง อายุ 37 ปี และ น.ส.จรรยมณฑน์ หงษ์กัณหา อายุ 32 ปี หลังมีพฤติกรรมตั้งตนเป็นหมอกระเป๋ารับให้บริการฉีดโบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ นอกสถานที่ ซึ่งส่วนใหญ่จะนัดหมายสถานที่ให้บริการลูกค้า ที่ คอนโด ยู วิภา-ลาดพร้าว ซอยวิภาวดี 20 แขวงจอมพล เขตจตุจักร จึงรวบรวมหลักฐานขออำนาจศาลเข้าตรวจสอบสถานที่ดังกล่าว ก่อนพบว่ามีการกระทำดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมพร้อมตรวจยึดยาแผนปัจจุบัน ยาไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา รวมถึงอุปกรณ์การให้บริการ และเวชภัณฑ์ในลักษณะเตรียมพร้อมสำหรับผู้มารับบริการ จำนวน 21 รายการ ไว้เป็นของกลาง
พ.ต.อ.เนติ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวน น.ส.กัลยา และ น.ส.จรรยมณฑน์ ให้การรับสารภาพว่า น.ส.กัลยา ซึ่งเรียนจบพยาบาลมา จะทำหน้าที่เป็นผู้ฉีด ส่วน น.ส.จรรยมณฑน์ จะทำหน้าที่รับจองคิว ประสานงาน นัดหมายกับลูกค้า อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ตัว น.ส.กัลยา จะเรียนจบพยาบาล มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมการพยาบาลและการผดุงครรภ์ แต่ก็ไม่ใช่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมเสริมความงาม ซึ่งเป็นคนละส่วน รวมถึงสถานที่ที่ให้บริการก็ไม่ได้มีการขออนุญาตประกอบกิจการสถานพยาบาล จึงถือว่ามีความผิด เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาทั้งสอง ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันดำเนินกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต” และ แจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับ น.ส.กัลยา อีก 3 ข้อหา ในความผิดฐาน “ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม พ.ร.บ.วิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2525, ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 และขายยาที่ยังไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.4 บก.ปคบ. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป