จับแล้วแม่ใจยักษ์พร้อมผัวใหม่ ฐานทำร้ายร่างกายลูกสาววัย 3 ขวบ เจ็บสาหัส เค้นสอบพี่ชายน้องพีพี ตายปริศนา ตร.รอผลชันสูตรศพประกอบสำนวน ส่อโดนข้อร่วมกันฆ่า เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ
วันนี้ (2 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ สภ.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางบัวทอง ได้นำตัวผู้ต้องหา 2 ราย ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี โดยสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่บ้านพักย่านลาดพร้าว คือ น.ส.ณัธรวิชณ์ ณ ปัตตานี อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นแม่ของ ด.ญ.เจ้าขา และ ด.ช.พีพี และ นายทินกร กมลศิลป์ อายุ 28 ปี (แฟนใหม่) เข้าสอบปากคำพร้อมตั้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และหลังจากนี้จะต้องรอผลชันสูตรจากสถาบันนิติเวช เพื่อตั้งข้อหาเพิ่มเติมถึงกรณี ด.ช.พีพี ที่โดนทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตก่อนหน้านี้ โดยขณะที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกับทางผู้สื่อข่าว
ทางด้าน พ.ต.อ.ภูมิธัช โฆษิตวนิชพงศ์ รอง ผบก.ก.จว.นนทบุรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าว ว่า ในเรื่องนี้ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้บังคับบัญชาระดับสูง โดย พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ที่เน้นหนักในการดำเนินคดีความผิดผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวกับการกระทำความรุนแรงในครอบครัว ในคดีนี้สืบเนื่องมาจากพ่อแท้ๆ ของเด็กได้เข้ามาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนของ สภ.บางบัวทอง ซึ่งคดีนี้มีความยุ่งยากนิดนึง เพราะผลในการชันสูตรศพต้องรอผลจากสถาบันที่เกี่ยวข้องและจำเป็นที่จะต้องทราบความจริงที่แน่นอนก่อนว่า เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจริงไหม รวมไปถึงต้องอาศัยพยานบุคคลและพยานแวดล้อมต่างๆ ที่สำคัญ คือ หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสารคัดหลั่งต่างๆ ซึ่งยังอยู่ในระหว่างรอผลอยู่ แต่เบื้องต้นได้ผลการชันสูตรมาแล้ว ได้รับผลการพิสูจน์บาดแผลและทำให้เห็นถึงความผิดปกติและนำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐานและร้องขอต่อศาลจังหวัดนนทบุรีในการพิจราณาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองคน ในเบื้องต้นตั้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตราสาหัส ส่วนข้อหาอื่นๆ ต้องรอผลการตรวจสอบจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ให้ชัดเจนเสียก่อน ในเบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธอยู่
พ.ต.อ.พฤฒ จำรูนศาสตร์ ผกก.สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า ในเบื้องต้น จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองคนยังให้การปฏิเสธและไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์ แต่จากพยานแวดล้อมที่ทางเจ้าหน้าที่ ตร.รวบรวมมาทั้งใบรับรองแพทย์ เพื่อนบ้านบุคคลใกล้เคียง เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม นักจิตวิทยา ทั้งหมดลงความเห็นพ้องต้องกันจึงได้ร้องขอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองคน ซึ่งพยานหลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมมา สามารถดำเนินคดีได้เพราะเป็นเหตุการณ์ในครอบครัว ซึ่งคดีนี้ทางเจ้าหน้าที่ ตร.แค่สงสัยว่าบุตรจะถูกทำร้ายจึงได้รับเรื่องไว้ และดำเนินกระบวนการตามขั้นตอน จนกระทั่งเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงได้ผลการชันสูตรของแพทย์ชัดเจน ซึ่งแพทย์ระบุว่าบาดแผลเหล่านี้ได้เกิดจากการถูกกระทำ จึงได้ดำเนินการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนตามหมายศาลจังหวัดนนทบุรี
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ มัสยิดอีกอมาตุ้ล (อี-กอ-มา-ตุ้ล) อิสลามโรงกระโจม ซึ่งเป็นสถานที่ฝั่งศพน้องพีพี ลูกชายคนโตที่เสียชีวิตก่อนหน้านี้ พบกับ นายสวัสดิ์ ภูริสวัสดิ์ อายุ 56 ปี ผู้อาบน้ำศพคนตายและฝั่งศพน้องพีพี กล่าวว่า ตนเป็นคนทำพิธีอาบน้ำและห่อศพน้องพีพีเอง ตนจำน้องได้แม่น เพราะน้องเป็นเด็กที่หล่อมาก และมีบาดแผลผ่าจากการชันสูตรด้านหน้า ด้านหลัง และหลังศีรษะ โดยวันที่น้องมาฝังศพแม่น้องเป็นคนนำร่างน้องมากับทางญาติ ตนไม่เห็นว่า มีความผิดปกติอะไร เพราะการจะนำร่างมาฝั่งนั้นจะต้องผ่านทางอิหม่ามก่อนทุกครั้ง
ทางด้าน นายบุญมี นาทอง โต๊ะอิหม่าม มัสยิดอีกอมาตุ้ลอิสลามโรงกระโจม กล่าวว่า ตอนที่แม่น้องนำร่างน้องมาฝั่งก็ไม่เห็นความผิดปกติอะไร แต่ถามจากคนอาบน้ำน้อง ทราบว่า น้องมีร่องรอยการผ่าจากการชันสูตรอยู่ 3 ที่ ซึ่งตามหลักทางศาสนาอิสลามจะต้องรีบทำการฝั่งศพภายใน 24 ชม. ทางแม่ของน้องได้บอกกับตนว่าพาน้องไปโรงพยาบาลและเสียชีวิต แต่ไม่ได้บอกสาเหตุว่าเสียเพราะอะไร เพราะเขามีหลักฐานจากโรงพยาบาลมาครบจะไม่ให้ฝังก็ไม่ได้
วันนี้ (2 ก.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ สภ.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางบัวทอง ได้นำตัวผู้ต้องหา 2 ราย ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี โดยสามารถติดตามจับกุมตัวได้ที่บ้านพักย่านลาดพร้าว คือ น.ส.ณัธรวิชณ์ ณ ปัตตานี อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นแม่ของ ด.ญ.เจ้าขา และ ด.ช.พีพี และ นายทินกร กมลศิลป์ อายุ 28 ปี (แฟนใหม่) เข้าสอบปากคำพร้อมตั้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และหลังจากนี้จะต้องรอผลชันสูตรจากสถาบันนิติเวช เพื่อตั้งข้อหาเพิ่มเติมถึงกรณี ด.ช.พีพี ที่โดนทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตก่อนหน้านี้ โดยขณะที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกับทางผู้สื่อข่าว
ทางด้าน พ.ต.อ.ภูมิธัช โฆษิตวนิชพงศ์ รอง ผบก.ก.จว.นนทบุรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าว ว่า ในเรื่องนี้ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและผู้บังคับบัญชาระดับสูง โดย พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 ที่เน้นหนักในการดำเนินคดีความผิดผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวกับการกระทำความรุนแรงในครอบครัว ในคดีนี้สืบเนื่องมาจากพ่อแท้ๆ ของเด็กได้เข้ามาแจ้งความกับพนักงานสอบสวนของ สภ.บางบัวทอง ซึ่งคดีนี้มีความยุ่งยากนิดนึง เพราะผลในการชันสูตรศพต้องรอผลจากสถาบันที่เกี่ยวข้องและจำเป็นที่จะต้องทราบความจริงที่แน่นอนก่อนว่า เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นจริงไหม รวมไปถึงต้องอาศัยพยานบุคคลและพยานแวดล้อมต่างๆ ที่สำคัญ คือ หลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสารคัดหลั่งต่างๆ ซึ่งยังอยู่ในระหว่างรอผลอยู่ แต่เบื้องต้นได้ผลการชันสูตรมาแล้ว ได้รับผลการพิสูจน์บาดแผลและทำให้เห็นถึงความผิดปกติและนำไปสู่การรวบรวมพยานหลักฐานและร้องขอต่อศาลจังหวัดนนทบุรีในการพิจราณาออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองคน ในเบื้องต้นตั้งข้อหา ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตราสาหัส ส่วนข้อหาอื่นๆ ต้องรอผลการตรวจสอบจากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ให้ชัดเจนเสียก่อน ในเบื้องต้นผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธอยู่
พ.ต.อ.พฤฒ จำรูนศาสตร์ ผกก.สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า ในเบื้องต้น จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองคนยังให้การปฏิเสธและไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์ แต่จากพยานแวดล้อมที่ทางเจ้าหน้าที่ ตร.รวบรวมมาทั้งใบรับรองแพทย์ เพื่อนบ้านบุคคลใกล้เคียง เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคม นักจิตวิทยา ทั้งหมดลงความเห็นพ้องต้องกันจึงได้ร้องขอศาลอนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสองคน ซึ่งพยานหลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมมา สามารถดำเนินคดีได้เพราะเป็นเหตุการณ์ในครอบครัว ซึ่งคดีนี้ทางเจ้าหน้าที่ ตร.แค่สงสัยว่าบุตรจะถูกทำร้ายจึงได้รับเรื่องไว้ และดำเนินกระบวนการตามขั้นตอน จนกระทั่งเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาจึงได้ผลการชันสูตรของแพทย์ชัดเจน ซึ่งแพทย์ระบุว่าบาดแผลเหล่านี้ได้เกิดจากการถูกกระทำ จึงได้ดำเนินการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองคนตามหมายศาลจังหวัดนนทบุรี
ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ มัสยิดอีกอมาตุ้ล (อี-กอ-มา-ตุ้ล) อิสลามโรงกระโจม ซึ่งเป็นสถานที่ฝั่งศพน้องพีพี ลูกชายคนโตที่เสียชีวิตก่อนหน้านี้ พบกับ นายสวัสดิ์ ภูริสวัสดิ์ อายุ 56 ปี ผู้อาบน้ำศพคนตายและฝั่งศพน้องพีพี กล่าวว่า ตนเป็นคนทำพิธีอาบน้ำและห่อศพน้องพีพีเอง ตนจำน้องได้แม่น เพราะน้องเป็นเด็กที่หล่อมาก และมีบาดแผลผ่าจากการชันสูตรด้านหน้า ด้านหลัง และหลังศีรษะ โดยวันที่น้องมาฝังศพแม่น้องเป็นคนนำร่างน้องมากับทางญาติ ตนไม่เห็นว่า มีความผิดปกติอะไร เพราะการจะนำร่างมาฝั่งนั้นจะต้องผ่านทางอิหม่ามก่อนทุกครั้ง
ทางด้าน นายบุญมี นาทอง โต๊ะอิหม่าม มัสยิดอีกอมาตุ้ลอิสลามโรงกระโจม กล่าวว่า ตอนที่แม่น้องนำร่างน้องมาฝั่งก็ไม่เห็นความผิดปกติอะไร แต่ถามจากคนอาบน้ำน้อง ทราบว่า น้องมีร่องรอยการผ่าจากการชันสูตรอยู่ 3 ที่ ซึ่งตามหลักทางศาสนาอิสลามจะต้องรีบทำการฝั่งศพภายใน 24 ชม. ทางแม่ของน้องได้บอกกับตนว่าพาน้องไปโรงพยาบาลและเสียชีวิต แต่ไม่ได้บอกสาเหตุว่าเสียเพราะอะไร เพราะเขามีหลักฐานจากโรงพยาบาลมาครบจะไม่ให้ฝังก็ไม่ได้