MGR Online - “ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต” รับเรื่องจากพ่อแม่น้อง ”จีฮุน” ที่เสียชีวิตในรถตู้รับส่งนักเรียน ขอชันสูตรศพซ้ำหลังมีข้อสงสัย ย้ำพร้อมช่วยเหลือแต่รอผลผ่าพิสูจน์ชัดเจนก่อน
จากกรณีตำรวจ สภ.พานทอง รับแจ้งเหตุพบศพน้องจีฮุน เด็กนักเรียนหญิงชั้น ป.2 วัย 7 ขวบ ของโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี เสียชีวิตในสภาพนอนคว่ำหน้า ตัวซีดและเลือดออกปากในรถตู้รับส่งของโรงเรียนดังกล่าว โดยในรถมีกระเป๋าเป้สะพายสีดำและแก้วน้ำดื่มวางอยู่ ซึ่งพ่อและแม่ของเด็กหวั่นจะเป็นการอำพรางศพ เมื่อวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา
วันนี้ (1 ก.ย.) เวลา 10.30 น. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) น.ส.เมทิกา โกศลปลั่งศรี พร้อม นายไทยอนันต์ ทองอยู่ พ่อแม่ของน้องจีฮุน ผู้เสียชีวิต และ นายมนต์ชัย จงไกรรัตนกุล หรือทนายแก้ว เดินทางเข้าพบ ว่าที่ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม เพื่อยื่นคำร้องถึงกระทรวงยุติธรรมให้ตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของน้องจีฮุน หลังมีข้อสงสัยหลายประการ
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต เปิดเผยว่า เบื้องต้นกระทรวงยุติธรรมได้รับคำร้องของครอบครัวผู้เสียหายไว้ โดยสถาบันนิติวิทยาศาตร์ จะตรวจสอบประเด็นการเสียชีวิตว่าเป็นการฆาตกรรมหรือไม่ หรือเกิดจากการขาดอากาศหายใจเป็นระยะเวลานาน พร้อมตรวจสอบสภาพรถตู้ที่เกิดเหตุเพื่อหาลายนิ้วมือแฝง รวมถึงจะตรวจสอบการผ่าพิสูจน์ศพโดยตำรวจว่าถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งครอบครัวผู้เสียชีวิตเห็นดีกับมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้ หากครอบครัวยังมีข้อสงสัยใด กระทรวงยุติธรรมก็จะยื่นคำร้องให้ผ่าพิสูจน์ซ้ำได้ ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในระยะเวลาการทำงานของ รพ.ตำรวจ
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวอีกว่า กรณีนี้เจ้าของโรงเรียนก็ต้องรับผิดชอบในการเสียชีวิต เพราะถือเป็นความผิดของลูกจ้าง ทั้งนี้ เราจะจัดหาทนายความกองทุนยุติธรรมให้ความช่วยเหลือ และเยียวยาเงินไม่เกิน 110,000 บาท ประกอบกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมส่งเรื่องไปยังยุติธรรมจังหวัดต่อไป
ด้าน น.ส.เมทิกา เผยว่า ได้มาขอยื่นคำร้องให้มีการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อให้คลายข้อสงสัย หลังโรงเรียนยังไม่แจ้งผลการตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ อีกทั้งพบว่าสภาพเสื้อผ้าและท่าทางของลูกเรียบร้อยมาก ไม่มีคราบน้ำตา น้ำลายหรือปัสสาวะ ขณะที่โรงพยาบาลตำรวจได้แจ้งผลชันสูตรว่า ลูกเสียชีวิตจากอาการฮีทสโตรก จนระบบไหลเวียนเลือดล้มเหลว ซึ่งเกิดจากการอยู่ในที่ร้อนเป็นเวลานานจนหมดสติไป อย่างไรก็ตาม มองว่า ไม่ว่าลูกจะอ่อนเพลียแค่ไหนก็น่าจะเปิดประตูหรือกระจกรถได้ อีกทั้งน้องยังร่าเริงแจ่มใสไม่มีโรคประจำตัว
น.ส.เมทิกา เผยอีกว่า แพทย์แจ้งสภาพศพว่ามีรอยฟกช้ำบริเวณต้นแขนซ้าย และจุดเขียวที่ขา รวมถึงรอยถลอกที่แขน ซึ่งตอนเช้าตนอาบน้ำให้ลูกก็ยังไม่พบ ถือเป็นรอยใหม่ จึงเป็นข้อสงสัยอีกประเด็น โดยครอบครัวยังคงจะเก็บร่างไว้ก่อน ขณะเดียวกัน ครอบครัวก็เพิ่งเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดจากการนำเสนอผ่านสื่อเท่านั้น ยังไม่ได้รับการประสานจากโรงเรียนมา
ส่วนทาง นายไทยอนันต์ กล่าวว่า โรงเรียนประสานเข้ามาที่จะชดเชยค่าเสียหายให้แล้ว แต่ครอบครัวยังไม่พร้อมพูดคุย ยืนยันว่าน้องสามารถเปิดกระจกรถและเปิดประตูได้ แต่ไม่ทราบว่าสามารถเปิดประตูและกระจกรถของโรงเรียนได้หรือไม่
ขณะที่ นายมนต์ชัย ระบุว่า ครอบครัวเกิดข้อสงสัยในหลายประเด็น คือ เด็กน่าจะดิ้นรนเอาชีวิตรอดในรถที่ร้อนระอุ เพราะเสื้อผ้าของน้องไม่หลุดลุ่ย รวมถึงยังไม่พบมีคราบใดบนกระจกและตามตัวรถ ทั้งๆ ที่เด็กยังเป็นวัยที่ซุกซน รวมถึงกล้องหน้ารถจะบันทึกเหตุการณ์ได้ แต่โรงเรียนและตำรวจยังไม่ได้ให้ข้อมูลส่วนนี้มา นอกจากนี้ เวลาที่ใช้ในการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียนเป็นระยะเพียง 15 นาที น้องจึงไม่น่าจะหลับลึกขนาดที่คนขึ้นลงรถก็ไม่ทราบ