พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลางคุมตัวหัวหน้าแก๊งบุกปล้นบ้านอดีตปลัดกระทรวงคมนาคม กวาดทรัพย์สินกว่า 1 พันล้านบาท เมื่อปี 54 ไปฝากขังศาลอาญา หลังทางการลาวส่งตัวให้
วันนี้ (27 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สน.วังทองหลาง พนักงานสอบสวนได้นำตัว นายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีบุกปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ขึ้นรถควบคุมผู้ต้องขังเพื่อไปขออำนาจศาลฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ในความผิดฐาน "ร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวไปด้วย โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิด หรือเพื่อพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม กระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำ พาอาวุธไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย หรือโดยไม่มีเหตุอันสมควร" พร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยนายวีระศักดิ์ สวมใส่เสื้อยืดแขนสั้นสีเขียว กางเกงยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน และมีผ้าขนหนูคลุมศีรษะไว้
โดยระหว่างควบคุมตัว ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า นายวีระศักดิ์เป็นหัวหน้าของหลุ่มผู้ก่อเหตุหรือไม่ และสอบถามถึงเรื่องเงินที่เหลือจากการก่อเหตุ นายวีระศักดิ์เพียงแต่ส่ายหน้าปฏิเสธ นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าอยากบอกอะไรกับผู้เสียหายหรือไม่ นายวีระศักดิ์ ไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด
เหตุการณ์ปล้นบ้านนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พ.ย.2554 คนร้ายได้ทรัพย์สินไปกว่า 1,000 ล้านบาท ผู้ต้องหาถูกจับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว 5 คน เหลือเพียงนายวีระศักดิ์หัวหน้าแก๊งที่หลบหนีเข้า สปป.ลาว จนกระทั่งเมื่อวานนี้ทางการ สปป.ลาวได้ส่งตัวมาให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย หลังพ้นโทษในคดีหลบหนีเข้าเมือง
ต่อมาที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง ได้ควบคุมตัว นายวีระศักดิ์ หรือโก้ ผู้ต้องหาซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊งโจรที่ร่วมกันก่อเหตุบุกปล้นทรัพย์สิน ภายในบ้านพักของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม ในซอยลาดพร้าว 64 แยก 2 ย่านวังทองหลาง กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 12 พ.ย.2554 มาฝากขัง
โดยนายวีรศักดิ์ ผู้ต้องหาหลบหนีไปที่ สปป.ลาว ก่อนทางการสปป.ลาว จับกุมตัวได้และประสานส่งตัวกลับมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย ตามหมายจับศาลอาญา ในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวไปด้วย โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือ เพื่อพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม กระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและให้ผู้อื่นนั้น กระทำการใดให้แก่ผู้กระทำพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยเปิดเผยและโดยไม่มีเหตุอันสมควร
คำร้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย.2554 เวลาประมาณ 19.40 น.นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ผู้กล่าวหาได้จัดงานสมรสบุตรสาวที่โรงแรมพลาซ่าเอสตินี่ ก่อนเกิดเหตุผู้กล่าวหาและครอบครัวจึงพากันเดินทางไปงานฉลองสมรส โรงแรมดังกล่าวปล่อยให้คนรับใช้ 3คน คือ นางจันทราหรือแต๋ว สังเกิด ,นางสมบัติหรือสม รักศิลป์ และ น.ส.สาวิตรีหรือ รุ้งบุญอุ้ม คอยดูแลบ้านพักระหว่างอยู่ภายในงานเลี้ยงได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากนางสมบัติหรือบัติ ว่ามีคนร้ายหลายคน หลายคนกำลังเข้ามาในบ้านพักให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้กล่าวหาจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบ ต่อมาหลังเกิดเหตุผู้กล่าวหาได้ เดินทางกลับมาที่บ้านพักจึงทราบจากแม่บ้านว่าได้มีผู้ต้องหาร่วมกับพวก ใช้รถยนต์กระบะเป็นพาหนะ มีชะแลง มีดพกและ มีดคัตเตอร์เป็นอาวุธ บุกเข้าไปใน ซึ่งเป็นบ้านพักของผู้กล่าวหา แล้วได้มีการจับมือนางจันทราและน.ส.สาวิตรีไพล่หลังไว้ แล้วได้ร่วมกันเอา เงินสดจำนวนประมาณ 5 ล้านบาทของผู้กล่าวหาไป ผู้กล่าวหาจึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน
พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหา ซึ่งศาลอาญาได้อนุมัติ หมายจับศาลอาญาฐานร่วมกันปล้นทรัพย์ โดยมีอาวุธติดตัวไปด้วย โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือเพื่อพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม กระทำด้วย ประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและให้ผู้อื่นนั้นกระทำการใดให้แก่ผู้กระทำ พาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้านหรือ ทางสาธารณะโดยเปิดเผยและโดยไม่มีเหตุอันสมควร
เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2565 ประมาณ 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้จับกุมตัวผู้ต้องหา ตาม หมายจับศาลอาญา ซึ่งผู้ต้องหารับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับดังกล่าวจริงและไม่ได้ถูก จับกุมตามหมายจับดังกล่าวมาก่อน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนสน.วังทองหลาง ดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้พนักสอบสวนจะต้องสอบพยานเพิ่มเติม4 ปาก รอผลการตรวจลายพิมพ์มือผู้ต้องหา และอื่นๆ จึงขอฝากขังผู้ต้องหาไว้เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.- 7 ก.ย.นี้
ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ อัตราโทษสูง หากปล่อยชั่วคราวเกรงว่า ผู้ต้องหาจะหลบหนี ยากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดี
ภายหลังปรากฎว่ามีญาติของนายวีระศักดิ์ หรือโก้ เชื่อลี อายุ 47 ปี มายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาเเล้วไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวยกคำร้อง
เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวผู้ต้องหาไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร