xs
xsm
sm
md
lg

ร่องรอย “บิ๊กป้อม” บนเส้นทางอำนาจ บุญคุณหนี้แค้นใน 3 ป.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม 2565 นำเสนอรายงานพิเศษ ร่องรอย “บิ๊กป้อม” บนเส้นทางอำนาจ บุญคุณหนี้แค้นใน 3 ป.



การวัดพลังของพี่น้อง ‘2ป.บูรพาพยัคฆ์’ ระหว่าง ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ต่างชิงไหวชิงพริบกัน ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา ‘บิ๊กป้อม’ ยังคงเดินเกมได้เหนือกว่า ‘บิ๊กตู่’

เพราะเส้นทางของ ‘บิ๊กป้อม’ ย้อนกลับไป ตั้งแต่สมัยเป็นนายทหารใน ทบ. พบเจอกับฝ่ายการเมืองอยู่ตลอด ตั้งแต่อยู่ในพื้นที่กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) ถิ่นบูรพาพยัคฆ์ ต้องเจอและคลุกคลีกับนักการเมืองท้องถิ่น เช่น ตระกูลเทียนทอง ของ เสนาะ เทียนทอง เจ้าพ่อวังน้ำเย็น

เมื่อ พล.อ.ประวิตร เติบโตในกองทัพบก จนขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ในยุครัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ก็ได้รับแรงผลักดันหลายส่วน โดยเฉพาะพลังจาก ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ ของ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ที่ทาง ‘บิ๊กป้อม’ มีความใกล้ชิด

รวมทั้งได้รับการผลักดันจาก ‘บิ๊กเหวียง’พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร รมว.กลาโหม ในขณะนั้น ที่เป็น ‘บูรพาพยัคฆ์’ รุ่นเดอะ ได้สนับสนุน ‘บิ๊กป้อม’ ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ด้วย

ยังมีบุคคลที่มือเชื่อมระหว่าง ‘บิ๊กป้อม’ กับบรรดาสายการเมือง คือ ‘บิ๊กกี่’ พล.อ.นพดล อินทปัญญา เพื่อน ตท.6 โดยเมื่อครั้ง พล.อ.เชษฐา เป็น รมว. กลาโหม ได้ตั้ง พล.อ.นพดล เป็นหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ รมว.กลาโหม ทำให้ ‘บิ๊กกี่’ ได้มีคอนเนกชั่นกับสายการเมืองไปในตัว

เส้นทางการขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ของ ‘บิ๊กป้อม’ ต้องฝ่าขั้วการเมืองในยุคนั้น สุดท้าย ‘ทักษิณ’ ได้โยกญาติผู้พี่ ‘บิ๊กตุ้ย’พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร จาก ผบ.ทบ. ไปเป็น ผู้บัญชาการทหารสูงสุด

ทั้งนี้ ‘ทักษิณ’ เคยกล่าวในคลับเฮ้าส์ถึงการตั้ง ‘บิ๊กป้อม’ เป็น ผบ.ทบ. ว่า ไม่รู้จัก พล.อ.ประวิตร แต่รู้ว่าเป็นพี่ชายของรุ่นพี่ของตน คือ ‘บิ๊กป๊อด’พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ที่จบเตรียมทหารรุ่น 9 นายร้อยตำรวจรุ่น 25 เมื่อรู้จักกันดี ก็โอเค จึงตั้ง พล.อ.ประวิตร เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จากนั้นก็ขึ้น ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และเป็น ผบ.ทบ.

สำหรับ พล.ต.อ.พัชรวาท ขึ้นเป็น ผบ.ตร. สมัย ‘สมัคร สุนทรเวช’ เป็น นายกฯ ยุคพรรคพลังประชาชน ทั้งหมดนี้ คือจุดที่สะท้อน สายสัมพันธ์ระหว่าง ‘ชินวัตร-วงษ์สุวรรณ’

ต่อมา พล.อ.ประวิตร ได้รับการเทียบเชิญจาก ‘สุเทพ เทือกสุบรรณ’ ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้มาดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ทำให้ พล.อ.ประวิตร ได้เชื่อมสัมพันธ์มาทางฝั่งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย จึงได้พบกับบรรดาแกนนำรัฐบาลในยุคนั้น

และเป็นอีกจุดสำคัญที่ทำให้ทหาร ‘สายบูรพาพยัคฆ์’ ผงาดใน ทบ. ตามมาด้วย หนึ่งในนั้นคือ ‘พี่รอง-น้องเล็ก’ สาย 3ป.บูรพาพยัคฆ์ ทำให้ ‘บิ๊กป๊อก’พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ ที่ปูทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ขึ้น ผบ.ทบ. ต่อด้วย

ดังนั้นเส้นทางกรำศึกการเมืองของ พล.อ.ประวิตร จึงมีเหนือกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ยุคหลัง คสช. ชื่อของ พล.อ.ประวิตร กลายเป็น ‘ผู้จัดการรัฐบาล’ พร้อมกับสร้าง ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ขึ้นมา ระดม ส.ส.บ้านใหญ่ หลายมุ้งมารวมกัน เพื่อผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็น นายกฯ

เมื่อพี่น้อง ‘3ป.’ เลือกเข้าเป็น ‘ผู้เล่น’ ในสนามของนักการเมือง การแบ่งแยกแล้วปกครอง คือสูตรหนึ่งใน ‘ยุทธวิธี’ ทว่ากลับเป็น ‘ดาบสองคม’ ที่กลับมาทิ่มแทงพี่น้อง ‘3ป.’ ด้วยกันเอง

การเกิดก๊กมุ้งต่างๆภายใน พปชร. กลายเป็นว่าอยู่ภายใต้ 2 ขั้วใหญ่ ระหว่าง ‘ป.ประยุทธ์’ กับ ‘ป.ประวิตร’ ทำให้ทั้ง 2ป. ต้องคานอำนาจกันเอง นำมาสู่การที่ พล.อ.ประวิตร แทบไม่ได้คุมกระทรวงใด

และไม่ได้คุม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือสตช. เฉกเช่นในยุค คสช. กลายเป็น ‘รองนายกฯขาลอย’ แต่อีกด้าน พล.อ.ประยุทธ์ ก็เป็น ‘นายกฯขาลอย’ ไม่มี ส.ส. ในมือเลย นำมาสู่ศึกวัดพลังระหว่าง 2 ขั้ว ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ทั้งการใช้กลไกใน-เกมนอกสภา

ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ ติดบ่วง 8 ปี ในการดำรงตำแหน่ง นายกฯ หลังศาล รธน. รับคำร้องไว้พิจารณา พร้อมมีมติ 5 ต่อ 4 สั่ง ‘หยุดปฏิบัติหน้าที่’ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย ทำให้ พล.อ.ประวิตร ขึ้นเป็น รักษาราชการแทนนายกฯ โดยอัติโนมัติ

แต่มี ‘อำนาจเต็ม’ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ระหว่างหยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยอำนาจแต่งตั้ง การอนุมัติงบ ที่สำคัญ คือ มีอำนาจปรับ ครม. และ ยุบสภา ด้วย

คาดว่า กระบวนการพิจารณาของศาล จะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.นี้ แม้ว่าในขณะนี้ พล.อ.ประวิตร มีอำนาจเต็ม แต่ไม่ได้เป็นนายกฯ โดยสมบูรณ์ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่หลุดจากเก้าอี้นายกฯ จึงต้องจับตาว่า พล.อ.ประวิตร จะกระทำสิ่งใด ‘ล้ำเส้น’ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่

ที่ต้องเตรียมติดตามคือ การจัดโผตำรวจ เพราะ พล.อ.ประวิตร จะทำหน้าที่นำประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ช่วงปลายเดือน ส.ค.นี้ งานนี้ฝุ่นจะตลบขนาดไหน

ในส่วน ‘โผทหารนายพล’ อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังเต็มมือเช่นเดิม ในฐานะ รมว.กลาโหม ผ่านคณะกรรมการปรับย้ายทหารชั้นนายพล ที่มีอยู่ 7 คน หรือที่เรียกว่า ‘บอร์ด 7 เสือกลาโหม’ ที่มี รมว.กลาโหม , รมช.กลาโหม , ปลัดกลาโหม , ผู้บัญชาการทหารสูงสุด , ผบ.ทบ. , ผบ.ทร. และ ผบ.ทอ. พิจารณาร่วมกัน จากนั้นส่งให้ นายกฯ ที่มีอำนาจเพียงลงนาม เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ ตามขั้นตอน อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีอำนาจประชุม ‘สภากลาโหม’ ที่จะได้พบกับผู้บัญชาการเหล่าทัพและ 5 เสือเหล่าทัพ

ดังนั้นสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงพอมี ‘อำนาจต่อรอง’ เหลืออยู่ ในฝั่ง พล.อ.ประวิตร ก็มีพลังอำนาจ-บารมีที่มากขึ้น แต่ก็เป็นช่วงเวลาชั่วคราวเท่านั้น

จึงสุดท้ายอยู่ที่คำวินิจฉัยของศาล รธน. ที่จะชี้ชะตา พล.อ.ประยุทธ์ ว่าอยู่หรือไป หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ไปต่อ ‘อำนาจ-บารมี’ ก็จะไปสู่ พล.อ.ประวิตร โดยสมบูรณ์ ทำให้ ‘เกมการเมือง’ เปลี่ยนไปทันทีด้วย

--------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android

สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2 เดือน )

ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1


กำลังโหลดความคิดเห็น