บช.น.สนธิกำลัง ป.ป.ส.กทม.ปิดล้อมตรวจค้น 13 จุด ยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติด “มินมินอู” อายัดทรัพย์สินเกือบ 400 ล้านบาท
วันนี้ (19 ส.ค.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น. และ นายสุนทร ชื่นศิริ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กรุงเทพมหานคร (ผอ.ป.ป.ส.กทม.) พร้อมกำลังหน่วยอรินทรราช ตำรวจ สน.ประเวศ นำหมายค้นจากศาล เข้าตรวจสอบที่หมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งย่าน ถ.ศรีนครินทร์ หลังมีหมายอายัดทรัพย์สินของขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ
พล.ต.ต.สำราญ กล่าวว่า คดียาเสพติดที่ ทาง บช.น. มีการจับกุมตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2563 จนถึงวันที่ 6 ตุลาคม 2564 มีการตรวจสอบและขยายผลทางคดี พบว่า มีตวามเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน ถึง 8 คดี พบว่า มีเครือข่ายเดียวกัน โดยเส้นทางยาเสพติดจะมาจาก จ.เชียงราย ทางฝั่งเหนือหรือแม่สอด เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมและยึดยาเสพติด ยาบ้า 22 ล้านเม็ด ไอซ์ 400-500 กิโลกรัม และจากการสืบทราบพบว่าเป็นของเครือข่ายนายมิน มิน อู ชาวเมียนมา ที่ถูกจับกุมแล้วก่อนหน้านี้
จากนั้น ขยายผลต่อ พบความเชื่อมโยงไปถึงนายทุนชาวจีน และมีการขอศาลออกหมายจับไว้แล้ว แต่ตัวของผู้ต้องหาชาวจีน ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย ทางตำรวจจึง ระสาน ป.ป.ส. ขออนุมัติการยึดทรัพย์สินทั้งหมด 385 ล้านบาท มีทั้งบ้าน 3 หลัง ในหมู่บ้านย่านศรีนครินทร์ คอนโด 9 ห้องเงินสด 12 บัญชี ที่อายัดไว้ประมาณ 72 ล้านบาท โดยเงินสดได้อายัดไว้ก่อนหน้านี้ ประมาณ 10 เดือน แต่ยังไม่มีใครมาติดต่อเบิกถอน
ทั้งนี้ เชื่อว่า ทรัพย์สินที่ได้มาจากเครือข่ายค้ายาเสพติด น่าจะมีมากกว่าบ้าน 3 หลัง ซึ่งอาจจะมีถึง 10 หลัง อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานในการขยายผลต่อไป
ด้าน นายสุนทร กล่าวว่า เครือข่ายที่เข้ามาจับกุมและอายัดทรัพย์สินในวันนี้ เกี่ยวข้องกับเรื่องของการเงิน นำเงินมาซื้อบ้าน 3 หลัง ซึ่งทาง ป.ป.ส. ได้อนุมัติให้ทำการยึดอายัดไว้แล้ว โดยเครือข่ายนี้มีถึง 3 สัญชาติ ผู้สั่งการอยู่ในประเทศลาว และบางคนอยู่ในประเทศจีน มาทำธุรกรรมทางการเงิน ส่วนกลุ่มคนไทย จะเป็นกลุ่มที่รับจ้างดูแลบัญชี หรือการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ในลักษณะกลุ่มนอมินี สำหรับมูลค่าทรัพย์สินของเครือข่ายมีการยึดอายัดไว้เกือบ 400 ล้านบาท แต่ในทางการสืบสวนขยายผล คาดว่า น่าจะมีมากถึง 1,000 ล้านบาท
สำหรับปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นในวันนี้ มีทั้งสิ้น 13 จุด ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับการทำธุรกรรมทางการเงิน มีการโอนเงินไปยังจุดต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ทำการตรวจสอบต่อไป