MGR Online - สตช.ร่อนหนังสือแจง “อัจฉริยะ” ผลสอบตำรวจผู้รับผิดชอบ “คดีแตงโม” ผบช.ภ.1 ไม่ผิดวินัย ส่วนอีก 3 นายผิด วินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความตั้งใจ อุตสาหะ และประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ
วันนี้ (9 ส.ค.) พล.ต.อ.มนตรี ยิ้มแย้ม ที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองจเรตำรวจแห่งชาติ (สบ 9) ปฏิบัติราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้แจ้งผลการร้องเรียนไปยังนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ผู้ร้องเรียน ตามหนังสือที่ ตช 0001(ที่ปรึกษาพิเศษ 2) 235 ลงวันที่ 8 สิงหาคม 2565
ใจความว่า ตามหนังสือร้องเรียนท่าน ลงวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 ร้องขอให้ตั้งกรรมการสอบวินัยพล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภาค 1, พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผู้บังคับการสืบสวน สอบสวนตำรวจภูธรภาค 1, พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี และ พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี และร้องขอให้ย้ายประจำศูนย์ ปฏิบัติการ สานักงานตำรวจแห่งชาติ ในคดี น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ (แตงโม) ที่สร้างความเสียหายให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการสั่งการให้ถูกต้องเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่กระทำการรวบรวมพยาน และหลักฐานทุกชนิดเท่าที่สามารถจะทำได้ เพื่อประสงค์จะทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ อันเกี่ยวกับความผิด เพื่อจะรู้ตัวผู้กระทำผิดและพิสูจน์ให้เห็นถึงความผิด และนำข้อมูลเท็จหรือพยานหลักฐานอันเป็นเท็จเข้าสู่สำนวนการสืบสวนสอบสวน และไม่ทำคดีชันสูตรการตาย, ไม่ตรวจสารเสพติด นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือ แซน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 131 และ 131/3 และไม่อายัดเรือของกลางตั้งแต่แรก ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น
คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว มีความเห็น ดังนี้
1. พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ผู้ถูกร้องเรียนที่ 1 ในชั้นนี้ไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่สมควรกล่าวหาว่า พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ผู้ถูกร้องเรียนที่ 1 มีมูลความผิดวินัย
2. พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 1 ผู้ถูกร้องเรียนที่ 2 มีมูลความผิดวินัย ในฐานะผู้บังคับบัญชาไม่กำกับ ดูแล ตรวจสอบรายละเอียดเนื้อหา ในการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ ทั้งก่อนและหลังการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ก่อนนำออกเผยแพร่ ให้มีความเหมาะสมและ เกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อันเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วย ความตั้งใจ อุตสาหะ เพื่อให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการ เอาใจใส่ ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของทาง ราชการ และประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พุทธศักราช 2547 มาตรา 78(9)
3. พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี ผู้ถูกร้องเรียนที่ 3 มีมูลความผิดวินัย ในฐานะผู้บังคับบัญชาไม่กำกับ ดูแล ตรวจสอบรายละเอียดเนื้อหา ในการจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ ทั้งก่อนและหลังการผลิตสื่อประชาสัมพันธ์ก่อนนำออกเผยแพร่ ให้มีความเหมาะสมและเกิดภาพลักษณ์ที่ดีต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อันเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความตั้งใจ อุตสาหะ เพื่อให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการ เอาใจใส่ ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ และประมาท เลินเล่อในหน้าที่ราชการ ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พุทธศักราช 2547มาตรา 78(9)
4. พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ผู้ถูกร้องเรียนที่ 4 กรณีในฐานะของ ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนของ สภ.เมืองนนทบุรี ตามคำสั่ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 354/2562 ลง 20 มิ.ย. 62 ข้อ 6 มีหน้าที่รับผิดชอบเก็บรักษาเรือของกลาง ตามระเบียบตำรวจเกี่ยวกับคดี ลักษณะที่ 15 ของกลางและของส่วนตัวผู้ต้องหา บทที่ 1 ข้อ 422 ตามหนังสือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 0004.6/11197 ลง 9 กันยายน 2545 เรื่อง ซักซ้อม แนวทางปฏิบัติในการเก็บรักษาของกลาง ซึ่งไม่ได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามระเบียบ และคำสั่งที่กำหนด อันเป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรง ฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความตั้งใจ อุตสาหะ เพื่อให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ ราชการ เอาใจใส่ ระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ และประมาทเลินเล่อในหน้าที่ราชการ ตาม พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พุทธศักราช 2547 มาตรา 78(9)
ส่วนประเด็นอื่นๆ ในชั้นนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานเพียงพอที่สมควรกล่าวหาว่า พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ผู้ถูกร้องเรียนที่ 1, พล.ต.ต.วสันต์ ผู้ถูกร้องเรียนที่ 2, พล.ต.ต.ไพศาล ผู้ถูกร้องเรียนที่ 3 และ พ.ต.อ.จาตุรนต์ ผู้ถูกร้องเรียนที่ 4 มีมูลความผิดวินัย ด้วยเหตุผล ความจำเป็นทางคดี และพยานหลักฐานต่างๆ ที่ผู้ถูกร้องเรียน กล่าวอ้างนั้น รับฟังได้
ทั้งนี้ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้เสนอผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวให้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาสั่งการต่อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว