สตม.แถลงจับกุมหนุ่มชาวออสเตรีย ก่อเหตุหลายคดี หนีหมายจับ 12 ข้อหา กบดานในไทย นอกจากนี้ ยังจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย
วันนี้ (5 ส.ค.) ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. แถลงจับกุม 3 คดีอาชญากรรมที่สำคัญ โดยคดีแรก พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รอง ผบก.สส.สตม.จับกุม นายเดวิด (นามสมมติ) อายุ 37 ปี สัญชาติออสเตรีย ซึ่งถูกทางการออสเตรเลียเพิกถอนหนังสือเดินทางและเป็นบุคคลที่สาธารณรัฐออสเตรีย ต้องการตัว เนื่องจากถูกออกหมายจับฐานความผิดฐานจัดเตรียมการค้าสารเสพติด, การค้าสารเสพติด, โกงพลังงาน, ฉ้อโกงร้ายแรง และความผิดตามประมวลกฎหมายอาวุธแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย รวม 12 ข้อหา หลังทางสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐออสเตรีย ประจำประเทศไทย ให้ช่วยติดตามตัวหลังทราบว่า มากบดานที่ จ.ภูเก็ต หลังจับกุมทาง สตม. เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร นายเดวิด และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อกักตัวรอส่งกลับประเทศต่อไป
คดีที่ 2 พ.ต.อ.สุทธิพงษ์ พุทธิพงษ์ ผกก.ตม.จว.ประจวบคีรีขันธ์ จับกุมแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 83 คน พร้อมนายหน้าลักลอบนำพาแรงงานเข้าพื้นที่ ก่อนจับกุมสืบทราบว่า จะมีชาวเมียนมา หลบหนีเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติจากฝั่งหมู่บ้านมูด่อง และจะมีขบวนการช่วยเหลือชาวเมียนมาเข้าไปส่งยังพื้นที่ภาคกลางของประเทศไทย จึงประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระจายกำลังลงพื้นที่ถนนสี่แยกห้วยใหญ่ หมู่ 5 ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์, บริเวณ หมู่ 3 ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์, บริเวณ หมู่ 3 ต.ห้วยทราย อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ พร้อมจับกุม นายโม นายสมยศ และนายธนศิษฐ์ ความผิดฐาน “ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ ให้บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม” ในส่วนของคนต่างด้าว 83 คน แจ้งข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต” สอบสวนชาวเมียนมา ที่หลบหนีเข้าเมือง รับว่า ติดต่อผ่านนายหน้าที่อยู่ฝั่งประเทศเมียนมาเพื่อไปทำงานบริเวณภาคกลางของประเทศไทยและผู้ต้องหาทั้ง 3 คนที่ให้การช่วยเหลือให้การว่ารับค่าจ้างหลังเสร็จงานขนหัวละ 500 บาท
และคดีที่ 3 พ.ต.อ.ธานินทร์ อินทพรต ผกก.ตม.จว.หนองคาย จับกุมขบวนการลักลอบพาแรงงานเข้าประเทศผิดกฎหมาย ในพื้นที่ อ.สังคม จ.หนองคาย บริเวณบ้านผาตั้ง ต.ผาตั้ง อ.สังคม จ.หนองคาย พบเรือหางยาวแล่นออกมาจากฝั่ง สปป.ลาว มาจอดเทียบริมแม่น้ำโขงบ้าน จากนั้นมีกลุ่มคนลงจากเรือเดินขึ้นฝั่ง โดยมีชายชาวไทยรอรับกลุ่มคนดังกล่าวบริเวณจุดจอดเรือและพาเดินเท้ามาขึ้นรถยนต์ที่จอดรออยู่ริมถนนสายสังคม-ปากชม จึงตรวจสอบและควบคุมคนต่างด้าว 43 ราย สอบปากคำรับว่าเป็นชาวจีนลักลอบข้ามมาจากประเทศลาว เพื่อจะเดินทางไปทำงานที่ประเทศกัมพูชา โดยมีนายหน้าชาวไทยนัดหมายและแบ่งหน้าที่ให้ความช่วยเหลือในการข้ามแดน และพาเดินทางต่อไปยังชายแดนประเทศกัมพูชา ตรวจค้นพบว่าทั้งหมดร่วมกันนำเอาโทรศัพท์มือถือ 43 เครื่องติดตัวมาด้วย โดยนายหน้าเป็นคนจัดหาให้เพื่อนำไปใช้งานที่ประเทศกัมพูชาจึงควบคุมตัวพร้อมตรวจยึดของกลางส่ง พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย
ก่อนขยายผลจับกุม นายถิ (นามสมมติ) อายุ 50 ปี ทำหน้าที่รอรับชาวจีนที่จุดจอดเรือ แล้วพามาส่งที่รถยนต์บริเวณถนนริมโขง และ นายนุ (นามสมมติ) ผู้ที่นำรถยนต์มารับชาวจีน ตรวจสอบประวัติพบว่า นายถิ เคยถูกจับกุมขณะพาชาวจีน 8 คน เข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2564 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาให้จำคุก 2 ปี โทษไม่รอลงอาญา ระหว่างอุทธรณ์คำพิพากษา ได้รับการประกันตัวออกมาก่อเหตุอีกครั้ง
