รองโฆษก อสส.ระบุ คดี “บอส วรยุทธ” ข้อหาเสพโคเคนขาดอายุความไปแล้ว เนื่องจากมีกฎหมายใหม่ ทำให้อายุความจาก 10 ปี เหลือ 5 ปี ไม่ต้องรอถึง 3 ก.ย. 65
วันนี้ (2 ส.ค.) นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ผลจากการใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค. 2564 ที่ให้ยกเลิก พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษปี พ.ศ. 2522 เป็นผลทำให้คดีของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ในข้อหาเสพโคเคนขาดอายุความตามกฎหมาย เนื่องจากทางพนักงานอัยการได้ตั้งทีมรื้อคดีอาญาขึ้นใหม่ โดยที่มี นายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เป็นหัวหน้าคณะทำงานและมีตนเป็นเลขาคณะทำงานได้แจ้งดำเนินคดีเพิ่มข้อหาเสพโคเคน ขณะที่นายวรยุทธก็ได้หลบหนีไป จนศาลมีหมายจับซึ่งมีกำหนดอายุความ 10 ปี เป็นไปตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษปี พ.ศ. 2522 มาตรา 58 ที่ระบุว่าห้ามไม่ให้ผู้ใดเสพยาเสพติดโคเคน (ยาเสพติดประเภท 2) หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษตามมาตรา 91 คือ จำคุก 6 เดือน ถึง 3 ปี จึงทำให้คดีดังกล่าวมีอายุความ 10 ปี ทั้งนี้ คดีดังกล่าวได้เกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2555 อายุความก็จะขาดในวันที่ 3 ก.ย. 2565 ที่จะถึงนี้
แต่ปรากฏว่า ต่อมาได้มีประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ออกมาบังคับใช้ โดยยกเลิก พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษปี พ.ศ. 2522 ทั้งหมด แล้วบัญญัติหมวดว่าด้วยเสพยาเสพติดประเภท 5 ใหม่ไว้ในมาตรา 104 ของกฎหมายดังกล่าวระบุว่า ห้ามไม่ให้ผู้ใดเสพยาเสพติดประเภท 2 (โคเคน) หากผู้ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ ตามมาตรา 162 มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และผลคือทำให้อายุความคดีจาก 10 ปี ลดเหลือ 5 ปี ทำให้คดีของนายวรยุทธ ข้อหาเสพโคเคนหมดอายุความโดยอัตโนมัติ ดังนั้น ในปัจจุบันคดีของนายวรยุทธจึงเหลืออยู่เพียงข้อหาเดียว คือ การขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 อัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 10 ปี จึงมีอายุความ 15 ปี และจะขาดอายุความในวันที่ 3 ก.ย. 2570