บช.น.เล็งฟันอาญา-วินัย ตำรวจแจมเป่าเค้ก "เอก สวนผัก" ชักปืนขู่พีอาร์ ยันไม่ใช่มาเฟีย

MGR Online - น.2 ยัน “เอก สวนผัก” ไม่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพล หลังก่อเหตุชักปืนข่มขู่พีอาร์สาวในงานวันเกิด ฉุนไม่เอนเตอร์เทนลูกชายวัย 17 ปี ตรวจสอบเพิ่มตำรวจร่วมทำผิดด้วยหรือไม่ ถ้าพบฟันทั้งอาญา-วินัย “บิ๊กราญ” สั่งดำเนินการ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พบประวัติเคยติดคุก 2 ปีกว่า

กรณีที่มีพีอาร์สาว 3 ราย เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน เพื่อให้ดำเนินคดีขาใหญ่ย่านตลิ่งชัน ชักปืนข่มขู่คุกคาม หลังเมื่อคืนวันที่ 27-28 ก.ค. ไปรับงานเอนเตอร์เทน (ชงเหล้า) ในงานเลี้ยงวันเกิดที่บ้านพักในซอยสวนผัก 19 แล้วไม่พอใจที่ไม่เอนเตอร์เทนลูกชายวัย 17 ปี ก่อนตามไปข่มขู่ซ้ำถึงบ้านเพื่อนผู้ก่อเหตุย่านเสาชิงช้า พื้นที่ สน.สำราญราษฎร์ และร้านย่านพุทธมณฑลสาย 2 ต่อมาวันที่ 31 ส.ค. เวลา 22.00 น. นายเอกพล (สงวนนามสกุล) หรือ เอก สวนผัก อายุ 36 ปี พักอาศัยในซอยสวนผัก แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ ผู้ถูกกล่าวหา เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อหา “ข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว”ตามคดีอาญา สน.ตลิ่งชัน ที่ 833/2565 พร้อมของกลาง ปืนบีบีกัน 1 กระบอก กระสุนปืนยาง 28 นัด กระสุนปืนบีบีกัน 1 กล่อง และกล่องกระสุนปืนลูกแบลงค์ 1 กล่อง

วันนี้ (1 ส.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวว่า ผู้เสียหายอ้างว่าขณะเกิดเหตุมีตำรวจในเครื่องแบบอยู่ในงานด้วยนั้น เบื้องต้นคาดว่า เป็นเพื่อนของผู้ต้องหา บช.น.จะตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่า เป็นตำรวจหน่วยใด และมีพฤติกรรมร่วมกระทำความผิดด้วยหรือไม่ หากมีก็ต้องถูกดำเนินคดีอาญา และเอาผิดวินัย ประเด็นเหตุเกิดจากไม่พอใจที่ผู้เสียหายไม่ไปเอนเตอร์เทนลูกชายวัย 17 ปี พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.ได้สั่งการพนักงานสอบสวนดำเนินการในส่วนของ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ส่วนพื้นที่ สน.สำราญราษฎร์ จากการสอบปากคำผู้เสียหาย และตรวจสอบพยานหลักฐานยังไม่ปรากฏความผิด หากพบก็ต้องตรวจสอบว่าเป็นปืนจริงหรือไม่ อาจมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม

ทั้งนี้ เมื่อปี 2653 ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุใช้อาวุธปืนข่มขู่ตำรวจแต่ไม่ได้ยิง ครั้งนั้นพนักงานสอบสวน สน.ตลิ่งชัน ดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้การทำการ, หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น” ศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี 6 เดือน พ้นโทษออกมาเมื่อวันที่ 4 ม.ค. 2565 นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติไม่ถือว่ามีพฤติกรรมเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพล แต่อาจเกี่ยวข้องกับแก๊งปล่อยเงินกู้ทำให้ประชาชนในพื้นที่เรียกว่าขาใหญ่