MGR Online - ปอศ.ทลายแก๊ง“ใหญ่-เจ๊เล็ก” นายทุนเงินกู้ดอกโหดรายใหญ่ภาคอีสาน จับลูกน้อง 24 ราย ทั้งขี้คุก-ขี้ยา ตั้งทีมซิ่งวีออสข่มขู่ทวงหนี้ชาวบ้าน
วันนี้ (12 ก.ค.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เมื่อเวลา 10.30 น. พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ท.กริช วรทัต รอง ผกก.5 บก.ปอศ. ร่วมแถลงผลยุทธการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 9 จุด ในพื้นที่ จ.มหาสารคาม ทลายแก๊งเงินกู้นอกระบบเครือข่าย “ใหญ่-เจ๊เล็ก” โดยได้จับกุม นายเสวก หรือ ใหญ่ มั่นปาน อายุ 43 ปี และ น.ส.ฐานิตา มั่นปาน หรือ เจ๊เล็ก อายุ 39 ปี กับพวก รวม 26 ราย ในความผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด และ ร่วมกันกระทำการทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่ โดยผิดกฎหมาย" พร้อมของกลาง 11 รายการ อาทิ โทรศัพท์มือถือ, สมุดบัญชีเงินฝาก และเอกสารเกี่ยวกับลูกหนี้จำนวน 1,796 ชิ้น
พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวว่า สืบเนื่องจากมีประชาชนภาคอีสานได้ร้องเรียนมาที่ ศูนย์ปราบปรามหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) ว่าถูกลูกน้องแก๊งใหญ่-เจ๊เล็ก ข่มขู่ คุกคาม รวมถึงบุกเข้าไปข่มขู่ถึงที่ทำงาน และที่บ้าน ทำให้เกิดความหวาดกลัว เกรงว่าจะได้รับอันตราย โดยเครือข่ายดังกล่าวได้ปล่อยเงินกู้นอกระบบและเรียกเก็บดอกเบี้ยร้อยละ 0.83 บาท ต่อวัน หรือ ร้อยละ 25 บาท ต่อเดือน หรือ ร้อยละ 303 บาท ต่อปี ซึ่งเครือข่ายดังกล่าวมี น.ส.ฐานิตา หรือเจ๊เล็ก และ นายเสวก หรือใหญ่ สองสามีภรรยาเป็นนายทุน คอยดูแลลูกน้องที่ออกเก็บดอกเบี้ยเงินกู้รายวันจำนวนหลายสิบคน ซึ่งรวมตัวพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.มหาสารคาม และพื้นที่ใกล้เคียงใช้รถยนต์เก๋งโตโยต้า วีออส รุ่นเก่า กว่า 20 คัน ออกตระเวนปล่อยเงินกู้ และเก็บดอกเบี้ย จากลูกหนี้ในพื้นที่ จ.มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์
พล.ต.ต.พุฒิเดช กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องก่อนสนธิกำลังร่วมกับกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (บก.ปพ.) เปิดยุทธการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมได้ดังกล่าว จากการสอบสวน นายเสวก ให้การรับสารภาพ ตลอดข้อกล่าวหา นอกจากนี้ พบว่า เครือข่ายดังกล่าวเคยทำมาแล้วกว่า 5 ปี และนายเสวกยังเคยถูกจับกุมเมื่อปี 53 และ 58 ในคดีเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้ ส่วนกลุ่มคนที่นายเสวกรวบรวมมานั้น เคยมีประวัติต้องโทษ 10 ราย โดยเป็นวัยรุ่นที่ว่างงาน บางคนเคยมีประวัติยาเสพติด หรือทำงานในลักษณะนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังมีผู้ร่วมกระทำความผิดที่ถูกออกหมายจับแล้วจำนวน 14 ราย อยู่ระหว่างหลบหนี รวมผู้ร่วมกระทำความผิดในเครือข่ายกว่า 40 ราย ซึ่งถือเป็นเครือข่ายใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยสืบสวนจับกุมมา คาดว่ามีผู้เสียหายถึงหลักพันคน และมีเงินหมุนเวียนหลายล้านบาท โดยหลังจากนี้ จะสืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป