MGR Online - รอง ผบ.ตร.สั่งเพิ่มความเข้มสกัดต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง หลังรัฐผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด กำชับสืบสวนขยายผลขบวนการนำพา ช่วยเหลือ คาดโทษสีกากีมีเอี่ยวเรียกรับผลประโยชน์ ฟันวินัย-อาญา เด็ดขาด
วันนี้ (7 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งวิทยุในราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถึง ผู้ช่วย ผบ.ตร.(มค 2) (มค 3) และ (มค 4) ผบช.น. ภ.1-9 ก. ส. สตม. ตชด. ทท. และ สยศ.ตร. อ้างถึงข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 46 ) ลงวันที่ 23 มิ.ย.65 คำสั่ง ศบค.ที่ 12/2565 ลงวันที่ 23 มิ.ย. 65 เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นที่เฝ้าระวัง ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 4 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ พ.ศ. 2548 คำสั่ง ศบค.ที่ 13/2565 ลงวันที่ 23 มิ.ย. 65 เรื่อง แนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน 2548 (ฉบับที่ 23) และคำสั่ง ตร. ที่ 558/2546 ลง 2 พ.ย. 64 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานสืบสวนปราบปรามเครือข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
เนื่องจากข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 46 ) ลงวันที่ 23 มิ.ย. 65 ให้มีการผ่อนคลายมาตรการสำหรับการเคลื่อนย้าย และการเดินทางของแรงงานต่างด้าวทั่วราชอาณาจักร ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินการป้องกันปราบปรามคนต่างด้าวลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ จึงให้ บช.น. ก.1-9 ก. ส. ตชด. ทท. และ สตม. ดำเนินการดังนี้
ให้ทุกหน่วยประสานหน่วยงานความมั่นคง (ฝ่ายปกครอง) และฝ่ายทหารในพื้นที่ ปฏิบัติงานร่วมกันอย่างบูรณาการ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ให้เน้นไปที่ผู้ปฏิบัติงานในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะระดับสถานีตำรวจที่รับผิดชอบพื้นที่แนวชายแดนและชุมชนชายแดน ให้ประสานฝ่ายปกครองในพื้นที่ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการดูแล การตั้งจุดตรวจ จุดสกัดร่วมกันให้เกิดการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด
ให้สืบสวนจับกุมขยายผลเครือข่าย,ขบวนการลักลอบนำพา ช่วยเหลือ คนต่างด้าวที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายทุกกรณี โดยให้ สตม.(ตม.จว.) บช.น. และ ภ.จว. ในพื้นที่ร่วมกันสืบสวนขยายผลทุกช่องทางในความผิดที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด เร่งรัดการสอบสวนดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ โดยให้รายงานผลการปฏิบัติให้ ตร. ทราบ เป็นประจำทุกวัน ก่อนเวลา 08.00 น. โดยเริ่มรายงานครั้งแรกวันที่ 8 ก.ค. 65 เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ มอบหมาย ให้ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในสายงานมั่นคง ควบคุม กำกับดูแลการปฏิบัติและออกตรวจการปฏิบัติโดยให้พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรงควบคุม กำกับดูแลการปฏิบัติในพื้นที่ ภ.7, 8, 9 พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิชควบคุม กำกับดูแลการปฏิบัติในพื้นที่ ภ.2, 3, 4 และ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ควบคุม กำกับดูแลการปฏิบัติในพื้นที่ ภ.5, 6
“กำชับห้ามมิให้ข้าราชการตำรวจทุกนาย เรียก รับ ยอมรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด โดยมิชอบด้วยกฎหมาย หรือกระทำการใดที่เป็นการประพฤติตนไม่เหมาะสม หรือส่อไปในทางทุจริต ประพฤติมิชอบ และให้ทุกหน่วยกำหนดมาตรการป้องกันการแสวงหา หรือเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายตลอดจนตรวจสอบการดำเนินการปฏิบัติทุกขั้นตอน โดยให้ผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นควบคุม ตรวจสอบ และกำกับดูแลการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดอย่างใกล้ชิด หากพบว่ามีการปล่อยปละละเลย หรือ เรียกรับผลประโยชน์ ให้พิจารณาดำเนินการ ทางปกครอง ทางวินัย ทางอาญา อย่างจริงจังและเด็ดขาด” คำสั่งดังกล่าว ระบุ