xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าของดารุมะ ซูชิ อ้างหมุนเงินไม่ทัน ถูกทวงหนี้กว่า 100 ล้าน จึงปิดกิจการหนีไปอเมริกา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - ผบช.ก.แถลงรวบ “เมธา” เจ้าของ “ดารุมะ ซูชิ” หลอกขายคูปองบุพเฟ่ต์ทิพย์ เจ้าตัวอ้างหมุนเงินไม่ทัน ถูกทวงหนี้กว่า 100 ล้าน จึงปิดกิจการหนีไปตั้งหลักอเมริกา

วันนี้ (22 มิ.ย.) ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เมื่อเวลา 14.30 น. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปคบ. พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.เชษฐ์พันธ์ กิติเจริญศักดิ์ ผกก.1 บก.ปคบ. พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปอศ. และตัวแทนจากหน่วยสืบสวนเพื่อความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Homeland Security) ร่วมแถลงผลจับกุม นายเมธา ชลิงสุข หรือ บอลนี่ อายุ 42 ปี เจ้าของ บริษัท ดารุมะ ซูชิ จำกัด ตามหมายจับศาลอาญาที่ 1266-1267/2565 ลง 22 มิ.ย.65 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพ์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” พร้อมของกลางเงินสด 20,186 ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 710,000 บาท ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 59 บริษัท ดารุมะ ซูชิ จำกัด ได้จดทะเบียนบริษัทเพื่อประกอบกิจการร้านอาหาร เครื่องดื่ม โดยมี นายเมธา เป็นกรรมการผู้มีอำนาจแต่เพียงผู้เดียว ต่อมาบริษัทได้ทำการประกาศขายคูปองบุพเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นทางเพจเฟซบุ๊กให้กับประชาชนในราคา 199 บาท จนมีผู้เสียหายสนใจซื้อคูปองเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ทางบริษัทได้มีการเปิดให้มีการซื้อแฟรนไชส์ด้วยเช่นกัน จนปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 27 สาขา ทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จากนั้นวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ร้านดารุมะ ซูชิ ได้ปิดกิจการทุกสาขาอย่างกะทันหัน ก่อนที่จะขาดการติดต่อไปในที่สุด ผู้เสียหายจึงได้มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ซึ่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลอาญา กระทั่งสืบทราบว่าผู้ต้องหาจะเดินทางกลับประเทศไทย ผ่านทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จึงนำกำลังจับกุมได้ดังกล่าว

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่า ขาดสภาพคล่องอันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 จึงได้คิดออกคูปองบุฟเฟ่ต์ราคา 199 บาท เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพราะมีปัญหาการเงินอย่างหนัก เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในระบบ แต่สุดท้ายแล้วกลับไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ประกอบกับถูกทวงหนี้จำนวนกว่า 100 ล้านอย่างหนัก จึงหลบหนีไปตั้งหลักที่สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีการเปลี่ยนเครื่องที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ภายหลังได้ดูข่าวแจ้งความดำเนินคดี ประกอบกับถูกกดดันอย่างหนัก จึงเดินทางกลับมายังประเทศไทย โดยเปลี่ยนเครื่องที่ไต้หวัน ซึ่งทางตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การ โดยเบื้องต้นได้นำตัวส่งนำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปคบ. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ซึ่งในชั้นสอบสวน พนักงานสอบสวนไม่ให้ประกันตัว และจะคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาล โดยจะทำการฝากขังในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ (23 มิ.ย.)

พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถอายัดเงินได้หลักแสนบาท และสามารถตรวจยึดเงินสดได้ประมาณ 710,000 บาท โดยหลังจากนี้ จะเร่งสืบสวนสอบสวนขยายผลเส้นทางการเงินว่ามีการยักย้ายถ่ายเทไปที่บุคคลอื่นหรือไม่ หากพบว่ามีเส้นทางการเงินไปถึงบุคคลใด ก็จะเข้าข่ายกระทำความผิดฐานฟอกเงิน รวมถึงขยายผลในเรื่องผู้ร่วมขบวนการ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทราบว่า ยังมีผู้ก่อเหตุ คือ นายเมธา เพียงคนเดียว ล่าสุด มีผู้เสียหายเดินทางมาแจ้งความมากกว่า 100 คน และแจ้งความทางออนไลน์มากกว่า 300 คน แต่จากการตรวจสอบ พบว่า มีผู้เสียหายหลายพันคน มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ ได้รายงานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อให้ผู้เสียหายสามารถเข้าแจ้งความได้ทั้งที่ บก.ปคบ. และสถานีตำรวจท้องที่

รายงานข่าวแจ้งว่า แนวทางการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหามีปัญหาหนี้สินจากการประกอบธุรกิจ และไม่สามารถหาเงินไปชำระค่าวัตถุดิบ ทำให้ผู้ผลิตสินค้าและนำมาจำหน่ายให้กับบริษัท ไม่ส่งของเข้ามา จนเป็นเหตุให้ร้านไม่สามารถประกอบธุรกิจต่อไปได้

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบมีเงินหมุนเวียนในบัญชีบริษัทดารุมะ ซูชิ กว่า 303,447,243 บาท สำหรับความเสียหาย พบว่า มียอดขายคูปองวอยเชอร์ผ่านแอปฯ 174,177 ใบ ลูกค้ากว่า 33,002 คน คิดเป็นมูลค่า 27,070,915 บาท และมูลค่าความเสียหายจากผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์มาทำธุรกิจ อีก 17,500,000 บาท

รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ต้องหารับว่า หนึ่งในเหตุผลที่ตัดสินใจกลับมาเมืองไทย เนื่องจากเห็นข่าวผ่านทางโซเชียลมีเดีย ว่า หลังจากผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ตำรวจก็เร่งทำคดี มีการขอศาลออกหมายจับ พร้อมประสานตำรวจต่างประเทศ เพื่อให้ติดตามตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดี ผู้ต้องหารู้สึกเครียด เเละทนแรงกดดันไม่ไหว ประกอบกับไม่อยากหนีไปตลอดชีวิต ทำให้ตัดสินใจกลับมาไทย เพื่อเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย









กำลังโหลดความคิดเห็น