MGR Online - "อัจฉริยะ" ซัด ส.ส.เต้ ตั้งเป็นที่ปรึกษาพรรคเองถอดเอง เผยคดีแจ้งจับบิ๊กตำรวจผิด ม. 157 บิดคดีแตงโม ขณะนี้เรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช. เตือนอัยการคดีอย่าชี้นำ ถ้าไม่หยุดจ่อร้อง อสส.ลงดาบ
วันนี้ ( 16 มิ.ย.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เปิดเผยถึงกรณี นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หรือ ส.ส.เต้ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ประกาศถอดออกจากที่ปรึกษากฎหมายหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ว่า ไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคไทยศรีวิไลย์มาตั้งแต่แรก เป็นการแต่งตั้งขึ้นเอง โดยที่ไม่เคยไปเซ็นเอกสารใดๆ และก็เคยแถลงไปแล้วว่าทุกอย่างที่ทำ ทำในนามชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ส่วนพรรคไทยศรีวิไลย์มีหน้าที่ดูแล นางพนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม แยกกันเป็นเอกเทศอย่างชัดเจน อีกทั้งก็ไม่เคยไปแถลงข่าวร่วมกันกับพรรค
"ยืนยันว่าไม่เคยสังกัดพรรคการเมือง และไม่มีนโยบายเล่นการเมือง ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษาพรรคไทยศรีวิไลย์นั้น นายมงคลกิตติ์แต่งตั้งเอง ถอดถอนเอง เหมือนกับการเอาทิชชู่ทิ้งลงโถส้วม ไม่มีผลกับผม ส่วนความสัมพันธ์กับ นายมงคลกิตติ์นั้น ยังคงเป็นเพื่อนกัน ทำงานร่วมกันได้ แต่ไม่ใช่คดีแตงโม ยืนยันว่าไม่ได้ขัดแย้งกัน เพียงแต่ควรต้องให้เกียรติกันตามมารยาท" นายอัจฉริยะ กล่าว
นายอัจฉริยะ กล่าวอีกว่า วันนี้เดินทางมาที่ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ไม่ได้เกี่ยวกับคดีแตงโม แต่มาเพราะพูดคุยเกี่ยวกับคดีอื่น เรื่องการทุจริตของนักการเมือง ซึ่งเป็นคดีที่ค้างเอาไว้ โดยตอนนี้ คดีแตงโมรอเพียงแค่ศาลนัดไต่สวนคำถอนฟ้องของนางพนิดาวันที่ 20 กรกฎาคม นี้ ส่วนที่เคยมาดำเนินคดีมาตรา 157 กับตำรวจที่ทำคดีแตงโม ที่ บก.ปปป. นั้น ตอนนี้เรื่องอยู่ที่ ปปช. จะนัดไปสอบปากคำสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตามคดีแตงโมตอนนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตนแล้ว แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนางพนิดา แต่ยืนยันว่าการที่จะขอถอนโดยอ้างว่าตนรับอำนาจมาโดยไม่ชอบนั้น ไม่ถูกต้อง เพราะศาลได้ตรวจหนังสือเอกสารทุกอย่าง และประทับรับฟ้อง ถือว่าชอบด้วยกฎหมายแล้ว และฝากถึงนายมงคลกิตติ์ว่า คนที่ไม่รู้กฎหมายอย่างนายมงคลกิตติ์ ยังต้องไปฝึกอีกเยอะ ยังอ่อนประสบการณ์เรื่องกฎหมาย แต่ทุกอย่างที่ทำ ตนทำตามกฎหมาย
นายอัจฉริยะ กล่าวด้วยว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะไม่มีปัญหากับพยานหลักฐานที่ยื่นไป เพราะไม่ได้ใช้หลักฐานใดของทางพรรคไทยศรีวิไลย์เลย เป็นหลักฐานที่หามาเองทั้งหมดตั้งแต่ต้น และหลักฐานของบังแจ็คก็ไม่ใช้แม้แต่ชิ้นเดียว มั่นใจว่าหลักฐานของที่ยื่นไปมีเพียงพอ หากมีโอกาสได้ไต่สวนในชั้นศาล มั่นใจว่าจะชนะคดีแน่นอน โดยที่ฟ้องมาตรา 288 เพราะพบว่ามีการใช้วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทของแตงโม และที่ฟ้องมาตรา 290 ก็เป็นเรื่องบาดแผลที่ขาข้างขวา แต่เวลาไต่สวนศาลอาจจะรับเพียงข้อหาเดียวก็ได้ แต่ก็ฟ้องให้ครอบคลุมไว้ทั้งหมด ทั้งนี้ทุกคนสามารถฟ้องตนได้หมด แต่ต้องคิดให้ดี เพราะจะมีการต่อสู้ทางกฎหมายแน่นอน ยืนยันว่าทำอะไรต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว อยู่ภายใต้กฎหมาย
นายอัจฉริย กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นางพนิดามีการพูดคุยกับคนบนเรือก็พอทราบมาบ้าง แต่ไม่ไปก้าวล่วงเรื่องส่วนตัว กรณีที่ว่าจะมีการให้เงินกันหรือไม่นั้นไม่ทราบ เพราะปกติเวลาจะคุยอะไรกับนางพนิดา ก็ต้องคุยผ่านนายมงคลกิตติ์ ส่วนความคืบหน้าคดีที่แจ้งความ นายวิศาพัช มโนมัยรัตน์ หรือ แซน นั้น ขณะนี้รอตำรวจสั่งฟ้องอยู่ ถ้าตำรวจไม่สั่งฟ้อง ตนจะไปแจ้งความเอาผิดตำรวจใน มาตรา 157 นอกจากนี้ ขอฝากถึง อัยการท่านหนึ่งที่ดูแลสำนวนคดีเเตงโมด้วยว่า อย่าออกมาชี้นำสังคมจากการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ตนมองว่าเป็นการล้ำเส้นและชี้นำสังคม ในประเด็นที่ออกมาพูดว่ามีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทางคดีแตงโมในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้แตงโมถึงแก่ความตาย ซึ่งอยู่ระหว่างอธิบดีอัยการภาค 1 กำลังพิจารณาอยู่ ตนขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย หากไม่หยุด จะไปร้องอัยการสูงสุดให้สอบวินัยในวันที่ 20 มิถุนายนนี้