วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่ศูนย์ประชุมและจัดแสดงสินค้านานาชาติ จ.อุดรธานี มีการจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน และยุติธรรมพบประชาชน จ.อุดรธานี โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม และประชาชนร่วมงานจำนวนมากจนแน่นงาน โดยก่อนเข้างานมีการคัดกรองโควิด-19 อย่างเข้มงวด
โดยช่วงแรก นายสมศักดิ์ และคณะได้เยี่ยมชมและเป็นประธานงานขายทอดตลาด พร้อมกล่าวว่า ยาเสพติดถือเป็นปัญหาสำคัญในการทำลายสังคม ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการแก้ไข ปราบปราม มาโดยตลอด เพื่อให้ลูกหลานของทุกท่านห่างไกลจากยาเสพติด โดย ป.ป.ส. ได้เสนอปรับแก้ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ เพื่อยึดอายัดทรัพย์สินไปจนถึงผู้บงการรายใหญ่ สามารถยึดย้อนหลัง 10 ปี ตนเชิญชวนประชาชนมาร่วมแจ้งเบาะแสนักค้ายาเสพติด เพราะ ป.ป.ส. มีรางวัลนำจับให้ถึง 500 ล้านบาท
นายสมศักดิ์ เผยว่า โดยปีนี้เราสามารถยึดทรัพย์ไปแล้ว 8,400 ล้านบาท จากเป้าหมาย 10,000 ล้านบาท สำหรับการขายทอดตลาดในปีนี้ จัดไปแล้วทั่วประเทศ 27 ครั้ง ได้เงินถึง 101.9 ล้านบาท และการจัดงานประมูลขายทอดตลาดทรัพย์สินในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 28 มีทรัพย์ทั้งหมด 174 รายการ มูลค่าประมาณ 22 ล้านบาท โดยเงินที่ได้มาทั้งหมดจากการขายทอดตลาดจะนำไปสนับสนุน เป็นเงินรางวัลต่อผู้แจ้งเบาะแสหรือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน และใช้สนับสนุน ช่วยเหลือในการปฏิบัติภารกิจการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อไป
"ผมขอยืนยันว่ารัฐบาลจริงจังและทำทุกทางเพื่อยึด อายัดทรัพย์สินรวมถึงการทลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดและปีต่อๆ ไป ทรัพย์เหล่านี้จะต้องมากขึ้น ใครที่ประมูลไม่ได้ในวันนี้ไม่ต้องเสียใจ เพราะการประมูลนั้นจะมีขึ้นเรื่อยๆ และขอฝากเตือนประชาชนเรื่องการรับจ้างเปิดบัญชี และระมัดระวังเรื่องการซื้อขายสินค้าเป็นจำนวนมากจนผิดปกติ อาจทำให้ถูกระงับบัญชีได้" นายสมศักดิ์ กล่าว
จากนั้น นายสมศักดิ์ ได้เปิดงานมหกรรมไกล่เกลี่ย โดยกล่าวว่า ตนดีใจที่ได้เดินทางมาเป็นประธานในงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน และยุติธรรมพบประชาชน ครั้งที่ 24 และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ของภาคอีสาน เป้าหมายประชาชนที่เข้าร่วมงานครั้งนี้ 11,178 ราย ทุนทรัพย์ทั้งสิ้น 2,874 ล้านบาท โดยงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน 23 ครั้งที่ผ่านมา ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 16,961 ราย ลดค่าใช้จ่ายประชาชน 1,391,888,281 บาท และขณะนี้เรามีศูนย์ไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องทั่วประเทศ 910 แห่ง ผู้ไกล่เกลี่ยก่อนฟ้อง 3,176 คน และสำนักงานบังคับคดีช่วยไกล่เกลี่ยหลังฟ้องอีก 117 แห่งทั่วประเทศ
"รัฐบาลกลัวพี่น้องประชาชนลำบาก คิดอะไรได้ทำทันที อยากให้ประชาชนมีความสุข เมื่อคนเป็นหนี้ ก็นอนไม่หลับ เราจึงแก้ปัญหาที่ ปลายน้ำและต้นน้ำ ปลายน้ำคือการแก้หนี้สิน ส่วนต้นน้ำคือการส่งเสริมและสร้างอาชีพใหม่ เพื่อเป็นรายได้ให้กับทุกคน เช่น พืชกระท่อม ที่เราได้ปลดล็อก การเลี้ยงวัวเนื้อโคขุน วัวกีฬาเป็นต้น" นายสมศักดิ์ กล่าว
ต่อมา นายสมศักดิ์ ได้มอบเงินเยียวยาผู้เสียหายจากคดีอาญา 11 ราย รวมเป็นเงิน 838,800 บาทและมอบป้ายศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน 20 ศูนย์ มอบบัตรประชาชนให้กับบุคคลที่ได้รับการพิสูจน์สัญชาติ และร่วมการไกล่เกลี่ยด้วยตนเอง รายแรกเป็นหนี้ กยศ. เหลืออีก 17,800 บาท ทาง กยศ. เห็นใจลดให้เหลือ 2,633 บาท โดย นายสมศักดิ์ , นายเรืองศักดิ์ และ นายชัยณรงค์ ได้ร่วมกันจ่ายหนี้ปิดบัญชีให้ ส่วนรายต่อมา เป็นหนี้ค่าไฟฟ้า 3 เดือนจนถูกตัดไฟ โดยการไฟฟ้าให้ผ่อนชำระ 12 เดือน งวดละ 421 บาทและจะจ่ายไฟให้ ส่วนอีกรายเป็นหนี้หลังศาลพิพากษา ของ โตโยต้า ลิสซิ่ง ซื้อรถกระบะ 760,000 บาท โดยถูกยึดที่นา 1 แปลงที่ใช้ค้ำประกัน ศาลให้ชำระหนี้ 670,779 บาท โตโยต้าลดให้ชำระปิดคดี 300,000 บาทและคืนที่นาให้ โดยลูกหนี้ได้กล่าวด้วยน้ำตาจากความดีใจ ว่า ขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่จัดโครงการดีๆช่วยคนจน โดยตนเดินทางมาจาก จ. กาฬสินธุ์ ตั้งแต่เช้ามืด และต้องขอบคุณผู้เกี่ยวข้องทุกท่าน
อีกรายเป็นหนี้หลังศาลพิพากษาธนาคารออมสิน 2 ล้านบาท โดยเป็นผู้ค้ำประกัน ขอให้พิจารณาเป็นกรณีพิเศษต่อรองเหลือ 1.5 ล้านบาท โดยออมสินจะส่งเรื่องให้สำนักงานใหญ่พิจารณาต่อไป รายสุดท้ายเป็นหนี้หลังศาลมีคำพิพากษาธนาคารออมสิน 367,844 บาท ได้ตกลงขอปิดบัญชีโดยทางธนาคารออมสินลดให้เหลือ 237,500 บาท