นักดนตรีเคราะห์ร้ายถูกแก๊งพุ่งชน พร้อมเพื่อนเจ็บ 3 ราย นอนโรงพยาบาลรักษาตัวจ่ายไปกว่า 3 แสนบาท เกือบหมดตัว วอนคู่กรณีรับผิดชอบ หลังตกลงจะชดใช้ก่อนหายเข้ากลีบเมฆติดต่อไม่ได้
จากกรณี เพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ Part 2 โพสต์ภาพระบุข้อความว่า “#ร้องเรียนตรวจสอบ รบกวน ฝากเคสน้องวิทด้วยนะคะ น้องโดนชนหนักมาก ไม่มีติดต่อมาเยียวยาเลยคะ น้องโดนชนหน้าผับ แถวพุทธมณฑลสาย 5 ตอนเลิกเล่นดนตรี กะลังจะกลับบ้านพร้อมเพื่อนๆ ค่ะ โดนกันสามคนเห็นจะได้ค่ะ ขอบคุณตำรวจที่ไม่เคยมาสอบปากคำอะไรเลยตั้งแต่ผมฟื้น ขอบคุณผู้ก่อเหตุที่ผมไม่เคยเห็นหน้าตาเลยในวันที่ผมฟื้น ไม่มีการมาเยี่ยมมาถามไถ่ว่าเป็นยังไงบ้าง ขอบคุณที่ทำให้รถผมต้องพัง ขอบคุณที่ไม่มาเยียวยาผม ขอบคุณที่ทำให้ครอบครัวผมลำบาก ขอบคุณที่ทำให้ผมต้องมาเป็นแบบนี้ #ขอบคุณครับ”
วันนี้ (31 พ.ค.) เมื่อเวลา 13.30 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ย่านบางกรวย พบ นายสุวิทย์ เลื่องลือวงศ์ อายุ 35 ปี อาชีพมือกีตาร์นักดนตรีวง Dragon Attack และ นางสาวมนัสนันท์ ตาซื่อ อายุ 40 ปี แฟนสาว เพื่อสอบถามกรณีถูกรถชนหมดสติในที่เกิดเหตุได้รับบาดเจ็บสาหัส นอนรักษาตัวที่บ้าน ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทางคู่กรณีเงียบหายไม่ออกมารับผิดชอบ
กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์วันที่ 23 พ.ค. 65 เวลา 00.15 น. รถเก๋งไม่ทราบยี่ห้อ สีบรอนซ์เงิน ขับมาด้วยความเร็วแล้วพุ่งชนนักดนตรี 3 คน ที่กำลังเก็บเครื่องดนตรีขึ้นรถ กระเด็นตัวลอยกระแทกพื้นสลบคาที่ บาดเจ็บสาหัส 2 ราย ส่วนอีก 1 ราย บาดเจ็บบริเวณขา
จากการสอบถาม นางสาวมนัสนันท์ (แฟนสาวผู้ได้รับบาดเจ็บ) กล่าวว่า ตอนเกิดเหตุแฟนของตนไปเล่นดนตรีที่ร้านแถวอ้อมน้อย หลังจากเล่นดนตรีเสร็จประมาณเที่ยงคืนครึ่ง กำลังจะเดินเอาเครื่องดนตรีมาเก็บที่รถ ยืนคุยกับเพื่อนสักพัก มีรถเมาแล้วขับไม่ทราบว่ามาจากไหน พุ่งชนแฟนของตนและเพื่อนกระเด็นไปคนละทางได้รับบาดเจ็บสาหัส มีคนเจ็บทั้งหมด 3 คน เพื่อนของแฟนขาเกือบหัก 1 คน ออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว ส่วนแฟนของตน ได้รับบาดเจ็บสาหัสมีบาดแผลหลายแห่ง ส่วนเพื่อนอีกคนต้องผ่าตัดสมอง ยังอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนี้ค่ารักษาพยาบาล หมดไปเกือบ 300,000 บาท ส่วนคู่กรณีโดนจับตอนเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปฝากขัง ประมาณวันสองวันแล้วได้ประกันตัวออกไป หลังจากนั้น ได้มีการพูดคุยกับทางคู่กรณีเพียงแค่ 1 ครั้ง โดยทางคู่กรณีบอกว่าให้มาไกล่เกลี่ยกัน ไม่อยากเป็นเรื่อง ตนสงสารเขา เลยบอกว่างั้นขอเงินสด 200,000 บาท เพื่อจะรักษาตัว ทางคู่กรณีตอบตกลงนัดว่าวันเสาร์ที่ผ่านมา จะเอาเงินมาให้ จำนวน 20,000 บาทก่อน พอถึงวันเสาร์ทางตนได้รอคู่กรณี แต่ไม่มา ตนเลยโทร.ไปหาเขาบอกว่าจะโอนตังค์ให้ แต่ไม่โอนสักทีประมาณ 5 ทุ่ม ตนโทร.ไปเขาก็ไม่รับสายแล้วก็หายไปเลย จนถึงทุกวันนี้ ตนตามตัวเขาไม่ได้ อยากให้สื่อช่วย ความรู้สึกตอนนี้เหมือนชีวิตพังทั้งชีวิต เงินก็เหลือน้อย ค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็มาก เนื่องจากรถถูกคู่กรณีชนต้องเอาไปซ่อมในอู่ ไม่มีรถใช้ เขาหลอกให้ตนลากรถไปที่อู่ บอกจะจ่ายเงินค่าลากรถให้เป็นเงินจำนวน 4,000 กว่าบาท ตอนนี้รถก็ยังไม่ได้ซ่อม เงินค่าลากรถก็ต้องจ่ายเอง อยากให้ซ่อมรถ เสร็จเร็วๆเพราะต้องเอาแฟนเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ค่าแท็กซี่ไปกลับจากพระราม 5 ไปอ้อมน้อย ราคาประมาณ 600 บาท ตอนนี้ทางอู่บอกว่าต้องรอคู่กรณีมาจ่ายเงินค่าซ่อมก่อนถึงจะดำเนินการซ่อมต่อได้ ส่วนสภาพรถขับไม่ได้ล้อหลุด โช๊คหลุดล้อแตกทั้ง 3 ล้อ ต้องทำใหม่หมดเลย ปกติตนจะขายของในตลาด ตอนนี้ไม่ได้ขายแล้ว เนื่องจากไม่มีรถ แฟนก็เจ็บไม่มีคนช่วยกางเต็นท์ เท่าที่ดูค่าใช้จ่ายตอนนี้น่าจะประมาณ 5-6 แสน ยังไม่รวมที่แฟนของตนต้องโดนยกเลิกคอนเสิร์ตและงานเล่นดนตรีตอนกลางคืน หมอบอกว่า กว่าจะมาเดินได้เป็นปกติ น่าจะใช้เวลาเกือบปี ตอนนี้เพิ่งจะเริ่มเดินได้บ้าง ทางคู่กรณีไม่ได้ออกมารับผิดชอบ และไม่ติดต่อมาเลยตนยังไม่ได้เงินจากคู่กรณีแม้แต่บาทเดียว
ทางด้าน นายสุวิทย์ (ผู้ได้รับบาดเจ็บ) กล่าวว่า ตนรู้สึกน้อยใจมาก จึงได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก ว่า ทำไมต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับตัวเรา และทำไมไม่มีใครมาดูแล ตั้งแต่เกิดเหตุ ตนยังไม่เคยเห็นหน้าคู่กรณีเลยว่าเป็นใครหน้าตาเป็นยังไง ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาจนมาพักฟื้น ไม่มีใครติดต่อมา ไม่มาถามไถ่ หรือมาสอบถามอาการของตนเลยว่าเป็นยังไงบ้าง วันที่เกิดเหตุเป็นวันอาทิตย์ตนไปเล่นดนตรีตามปกติที่จำได้เวลาประมาณเที่ยงคืนกว่าเก็บของเสร็จเดินไปที่รถ ยืนรอเพื่อนเพื่อจะตามกันมา ตอนนั้น ตนยืนอยู่ริมฟุตปาททุกครั้งหลังเลิกจากเล่นดนตรี ก็จะยืนอยู่ตรงนั้น เป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งมันดึกแล้วไม่คิดว่าจะมีรถขับมาชน มือกลองกับนักร้องยืนอยู่บนฟุตปาท ยืนรอมือเบสเพื่อจะแบ่งค่าแรงกัน ตนได้ยินเสียงมือกลองตะโกนอะไรสักอย่างแล้วก็วูบไปเลย ไม่รู้สึกตัวหมดสติจำอะไรไม่ได้ ส่วนอาการตอนนี้ที่ได้รับบาดเจ็บที่หน้าท้องเป็นแผลฉกรรจ์ เนื่องจากต้องเย็บ ถึง 40 กว่าเข็ม ปอดทะลุ เนื่องจากโดนซี่โครงแทงทะลุเข้าไปในปอด ส่วนที่แขนซ้ายเย็บประมาณ 100 กว่าเข็ม เนื้อที่แขนซ้ายของตนยุ่ยไปหมด เนื้อขาดรุ่งริ่ง จนถึงตอนนี้ตนยังไม่กล้าดูแผลที่เย็บมา ที่บริเวณเข่าเย็บหลายเข็ม ขาซ้ายต้องดามเหล็ก ตอนนี้เดินไปไหนไม่ได้เลยแค่ 3 ก้าว ก็รู้สึกเหนื่อย เนื่องจากปอดฉีกขาด แค่พูดนิดเดียวก็เหนื่อยแล้ว ก่อนเกิดเหตุเล่นดนตรีทั้งกระโดดทั้งวิ่งยังไม่รู้สึกเหนื่อยแบบนี้ หลังจากนี้ คงต้องใช้เวลาพักฟื้นอีกนาน อยากให้ทางคู่กรณีมาพูดคุยเยียวยากันมากกว่า ไม่อยากให้หายกันไปแบบนี้ตกลงกันได้ ตนไม่ได้เจ็บคนเดียว เพื่อนของตนก็เจ็บสาหัสด้วยหนักกว่าอีก ต้องผ่าตัดสมอง ทั้งตัวมีแต่ดามเหล็ก ตนเห็นสภาพเพื่อนแล้วรับไม่ได้ ส่วนในด้านคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่เรียกตนไปสอบปากคำอยากให้ช่วยดำเนินการเร่งรัดคดีให้หน่อยตอนนี้ครอบครัวตนลำบากมาก