แม่ค้าออนไลน์ วัย 29 ปี ขอความช่วยเหลือทนายตั้ม ให้ รพ.ชี้แจง หลังบิดาขี่ จยย.เกิดอุบัติเหตุเข้ารักษาในโรงพยาบาล ถูกผ่าตัดศีรษะแล้วมอบชิ้นส่วนกะโหลกให้นำมาแช่ตู้เย็นเองที่บ้าน รอให้หมอเรียกนำกลับไปใช้ แต่บิดากลับเสียชีวิตก่อน
วันนี้ (27 พ.ค.) เวลา 13.00 น. น.ส.ภัทร์สุดา ธรรมวาจารย์ อายุ 29 ปี อาชีพแม่ค้าออนไลน์ เข้าร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เพื่อให้โรงพยาบาลชี้แจงหลัง นายอดุลย์ ธรรมวาจารย์ อายุ 52 ปี อาชีพพนักงานส่งพัสดุ ซึ่งเป็นบิดา ประสบอุบัติเหตุเข้ารักษาโรงพยาบาล แพทย์ได้ผ่าตัดศีรษะแล้วนำกะโหลกให้ญาติไปแช่ตู้เย็นที่บ้าน ผ่านไป 2 วัน บิดาเสียชีวิต ถูกญาติมองว่าไปทะเลาะกับหมอจนบิดาเสียชีวิต
น.ส.ภัทร์สุดา กล่าวว่า เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา บิดาได้ขับ จยย.กำลังจะไปทำงาน แต่ประสบอุบัติเหตุขับไปชนท้ายรถเก๋งหมดสติ พื้นที่บางพลี อาสาสมัครนำส่ง รพ.แห่งหนึ่ง แพทย์พบว่า มีเลือดคั่งในสมอง ต้องทำการผ่าตัดโดยด่วน กระทั่งช่วงค่ำแพทย์แจ้งว่า การผ่าตัดเป็นไปด้วยดี อาการปลอดภัย พ้นขีดอันตราย พร้อมกับยื่นชิ้นส่วนกะโหลกขนาดเท่าฝ่ามือ พร้อมเนื้อเยื่อใส่ถุงร้อนสีใสมัดด้วยยางรัดแกง โดยมีสติกเกอร์ระบุชื่อคนไข้ประวัติทั่วไป และแพทย์ผู้ผ่าตัดแปะอยู่บนถุงดังกล่าว พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่าให้นำไปแช่ไว้ในตู้เย็นที่บ้าน หากต้องการเมื่อไหร่จะเรียกให้มาส่งคืน
ด้วยความที่ดีใจที่บิดาพ้นขีดอันตราย ไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติม จึงกลับบ้านอุ้มกะโหลกกลับบ้านอย่างดีเอาไปแช่ช่องฟรีซรวมกับเนื้อหมูเนื้อไก่ จากนั้นทางญาติทราบเรื่อง รู้สึกไม่พอใจ คาดคั้นให้นำไปคืน ไม่ควรนำมาเก็บไว้เอง เนื่องด้วยอุณหภูมิ ความสะอาดและความรู้สึกไม่เหมาะสม จากนั้นวันที่ 23 ก.พ. ไปห้องไอซียูเพื่อจะเยี่ยม แต่แพทย์ไม่อนุญาต จึงได้สอบถามเรื่องที่แพทย์ห้องผ่าตัดให้ชิ้นส่วนกะโหลกว่านำมาคืนที่ห้องไอซียูได้หรือไม่ เมื่อแพทย์ห้องไอซียูได้ยินกลับตกใจมาก พร้อมบอกให้ตนรีบเอามาคืนทันที จนกระทั่งวันที่ 24 ก.พ. ช่วงเช้าหมอแจ้งว่า พ่ออาการทรุดจากนั้นผ่านไป 2 ชม. ก็เสียชีวิตทันที ตั้งแต่วันนั้น จนถึงวันนี้ ถูกญาติมองว่า ที่บิดาเสียชีวิตนั้น พวกตนจำนวนหนึ่งที่อยู่โรงพยาบาลขณะนั้น อาจทะเลาะกับหมอจนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องแบบนี้ จึงอยากได้ความชัดเจนจากโรงพยาบาล รวมถึงอธิบายเหตุการณ์วันนั้นเพื่อให้ญาติทราบและทำความเข้าใจ ทั้งนี้ ไม่ได้ต้องการแจ้งความเอาผิดผู้ใดเพียงแค่ต้องการเหตุผลต่างๆ ที่ชัดเจน
ด้าน นายษิทรา กล่าวว่า จากการสอบถามไปยังโรงพยาบาลเบื้องต้น ทราบเพียงว่า เป็นนโยบายของแต่ละโรงพยาบาลจะกำหนด แต่ส่วนใหญ่กรณีแบบนี้ทางโรงพยาบาลจะเป็นผู้เก็บไว้เอง และเป็นส่วนน้อยมากจะให้ญาตินำไปเก็บรักษาเอง ทั้งนี้ จะให้ทางโรงพยาบาลชี้แจง รวมถึงสาเหตุการตายว่าเกิดจากผ่าตัดหรืออุบัติเหตุหรือเหตุอันใด