MGR Online - บช.ก.ทลายเครือข่ายเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ ปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจเอสเอ็มอี เรียกดอกเบี้ยโหด พบเงินหมุนเวียนกว่า 60 ล้านบาท พร้อมยึดอาวุธสงครามอีกอื้อ
วันนี้ (25 พ.ค.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ.พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบก.ปพ.พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.ปพ.และ พ.ต.ต.วรวุฒิ คงรักษา สว.กก.5 บก.ปอศ. นำกำลังบุกทลายแก๊งเงินกู้ออนไลน์นอกระบบ “Surecashmanagement” (ชัวร์แคชแมนเนจเม้นท์) ซึ่งเป็นเครือข่ายเงินกู้รายใหญ่ ที่ปล่อยสินเชื่อนอกระบบให้กับผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยเข้าตรวจค้นพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ จ.สมุทรสาคร นครปฐม และ จันทบุรี สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 5 ราย ขยายผลจับกุมอีก 6 ราย และคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้อีก 3 ราย พร้อมยึดของกลางรวม 600 รายการ
ทั้งนี้ เมื่อปลายปี 64 เจ้าหน้าที่ศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร) ได้รับแจ้งว่ามีกลุ่มเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์นอกระบบเรียกเก็บดอกเบี้ยในอัตราที่สูงมาก ถ้าเป็นผู้กู้รายย่อยที่กู้ในวงเงินไม่สูงมาก ต้องจ่ายดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 160 ต่อเดือน แต่ถ้าเป็นผู้ประกอบธุรกิจฯ กู้ในวงเงินที่สูงนั้น จะต้องจ่ายดอกเบี้ยรายวันในอัตราร้อยละ 3 ต่อวัน หรือร้อยละ 90 ต่อเดือน จนกว่าจะมีเงินต้นมาชำระ
จากการสืบสวนพบว่ากลุ่มคนร้ายได้ เปิดเว็บไซต์ surecashmanagement.com โดยกลุ่มเป้าหมายเน้นไปที่กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยที่ขาดสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งขั้นตอนการอนุมัติสินเชื่อของเว็บไซต์นี้ไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานยืนยันตัวตน และไม่ต้องใช้คนค้ำประกัน หากเป็นผู้ประกอบธุรกิจฯ กลุ่มคนร้ายจะไปสำรวจกิจการเพื่อประกอบการพิจารณา เมื่อสินเชื่ออนุมัติแล้ว กลุ่มคนร้ายจะโอนเงินไปให้ผู้กู้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตของธนาคาร โดยจะหักยอดเงินกู้เป็นดอกเบี้ยงวดแรกไว้ก่อน หากลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้ ก็จะใช้วิธีการโทรศัพท์ข่มขู่ ไประรานผู้กู้ถึงที่บ้าน ที่ทำงาน หรือสถานประกอบการ
ต่อมาตำรวจสืบสวนจนทราบตัวผู้ร่วมขบวนการ จึงขออนุมัติหมายจับศาลอาญาในความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด ก่อนนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านพัก และสำนักงานของกลุ่มคนร้าย ในพื้นที่ จ.นครปฐม 1 จุด, จ.สมุทรสาคร 1 จุด และ จ.จันทบุรี 2 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายได้ 5 ราย มีนายชัยวัฒน์ ฮกมาลี อายุ 37 ปี, น.ส.ศิรภัสสร มากเจริญ อายุ 38 ปี, นายภาสิยุทธ์ ธัญสิประเสริฐ อายุ 23 ปี, นายต้อย ฤทธิธรรม อายุ 27 ปี และ นายปิยพัทธ์ กึนพันธ์ อายุ 28 ปี
ก่อนขยายผลจับกุม นายอนุวัฒน์ ชมทะวี อายุ 27 ปี นายชูศักดิ์ เกษร อายุ 37 ปี นายชนาทิพย์ โชคสาคร อายุ 27 ปี นายชลทิศ โชคสาคร อายุ 32 ปี นายพงศธร ยอดชาญ อายุ 29 ปี และ นายจักรกริช พิมพ์จันทร์ อายุ 32 ปี รวมดำเนินคดีทั้งสิ้น 11 ราย พร้อมเชิญผู้ต้องสงสัยที่เชื่อว่าได้ร่วมกระทำผิด มาสอบปากคำ อีก 3 ราย
สำหรับของกลางประกอบด้วยสมุดบัญชีเงินฝาก บัตรเอทีเอ็ม โทรศัพท์มือถือและไอแพด คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค ปืนสั้น 2 กระบอก ปืนยาว 1 กระบอก กระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวน 476 นัด เอกสารสินเชื่อและเอกสารที่เกี่ยวกับการกู้เงินต่างๆ หลายรายการ นอกจากนี้จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบมีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 60 ล้านบาท
ทั้งนี้ สำหรับความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน และเครื่องกระสุน ได้แยกดำเนินคดีผู้ต้องหาที่ 1 และ 2 พร้อมนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าใหม่ ภ.จว.จันทบุรี ดำเนินคดีต่อไป