MGR Online - “นายกฯ” ชม ก.ยุติธรรม ผลงานปราบยาเสพติดชัด “ยึดทรัพย์” แก้ปัญหาแนวใหม่ รับพิจารณาแก้อำนาจ ป.ป.ส. เป็นพนักงานสอบสวน หวังตัดวงจรยา
วันนี้ (18 พ.ค.) เวลา 09.00 น. ที่สำนักงาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดการติดตามผลการบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, ว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการ รมว.ยุติธรรม, น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม, นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. และผู้บริหารกระทรวงยุติธรรม เข้าร่วม
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาล ได้ตั้งเป้าหมาย เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด ด้วยการยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง โดยในปี 64 รัฐบาลตั้งเป้ายึดทรัพย์ 6,000 ล้านบาท แต่สามารถยึดทรัพย์ได้เกินเป้ากว่า 7,000 ล้านบาท และเมื่อมีประมวลกฎหมายยาเสพติดใหม่ การริบทรัพย์สินทำงานได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม โดยมีการตั้งเป้าหมายในปี 65 ต้องยึดทรัพย์สินให้ได้ 10,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ ระยะเวลาผ่านมา 231 วัน เราสามารถยึดทรัพย์ได้แล้วกว่า 8,453 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 85 แบ่งเป็น ของ ป.ป.ส. 3,988 ล้านบาท ของคณะทำงานพาลีปราบยา 1,380 ล้านบาท และยึดทรัพย์ที่จะได้จากการปฎิบัติการในวันนี้ 3,084 ล้านบาท
นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ข้อดีของประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่นี้ คือ รางวัลนำจับที่มีมากถึง 30% ของมูลค่าทรัพย์ที่ยึดได้ โดย 25% เป็นของเจ้าหน้าที่ผู้สืบสวนและทำคดี และ อีก 5% เป็นของผู้แจ้งเบาะแส ซึ่งมีมูลค่าถึง 500 ล้านบาท ตรงนี้ถือเป็นการดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปราบปรามยาเสพติด ให้ช่วยแจ้งเบาะแส ขณะเดียวกัน ในการขยายผลยึดทรัพย์ ป.ป.ส. มีข้อจำกัดในความรู้เชิงลึกของเครือข่าย เนื่องจากไม่ได้เป็นผู้สืบสวนมาแต่ต้น โดยนักค้ายาเสพติดเป็นเครือข่ายสลับซับซ้อน ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงอยากให้นายกรัฐมนตรี สนับสนุนให้ ป.ป.ส.มีอำนาจในการเป็น “เจ้าพนักงานสืบสวน” โดยแก้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดียาเสพติด มาตรา 11/1(8) ด้วย
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้มอบนโยบายการติดตามผลการบังคับใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดว่า จากรายงานผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ และยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นกลไกลการแก้ปัญหายาเสพติดแบบครบวงจร ซึ่งผลการดำเนินงานได้พัฒนาเป็นลำดับ โดยหลายอย่างมีความก้าวหน้า แต่ก็มีบางอย่างที่ต้องปรับปรุง อาทิ กฎหมายที่ ป.ป.ส.ขอให้สนับสนุนเพิ่มอำนาจ รวมถึงอุปสรรคเรื่องเครื่องมือในการยึดทรัพย์ ทางรัฐบาล ก็จะรับไปพิจารณา
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ยาเสพติด ถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่ทุกหน่วยงานต้องร่วมมือกัน เพราะทุกคนทราบดีถึงภัยของยาเสพติด ดังนั้น รัฐบาลหวังว่า จะหมดไป เนื่องจากขณะนี้ เรามีกฎหมายใหม่ ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ในการแก้ปัญหายาเสพติด ที่ได้มีการรวบรวมกฎหมาย เพื่อลดความซ้ำซ้อน และทำให้ประชาชนเข้าถึง โดยกฎหมายใหม่ ได้มีการปรับบทลงโทษที่รุนแรง และไม่แยกความผิดออก ซึ่งเรามีการพิจารณาให้เกิดความเป็นธรรม ด้วยการลดโทษคดีไม่รุนแรง แต่ไปเน้นลงโทษหนักกับผู้ค้า เพื่อให้โอกาสผู้เสพ และเพื่อช่วยลดความแออัดในเรือนจำ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้มอบนโยบายไปแล้ว และได้มีการกำหนดเป้าหมาย จนเดินใกล้ถึงเป้าหมายแล้ว เพราะทุกคนนำไปปฎิบัติอย่างเคร่งครัด ที่ยึดทรัพ์ได้แล้วกว่า 8 พันล้านบาท จากเป้าหมาย 1 หมื่นล้านบาท ดังนั้น จากนี้ ขอให้ทุกหน่วยงานปฎิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง เพราะด้วยสถานการณ์โควิด อาจส่งผลให้ผู้เสพ และผู้ค้า เปลี่ยนวิธี จึงอาจทำให้เกิดรายใหม่ ตนจึงอยากให้ช่วยกันลดจำนวนผู้เสพยาให้น้อยที่สุด โดยต้องให้ความสำคัญกับหมู่บ้าน ชุมชน โรงเรียน เพื่อช่วยกันป้องกัน
“การปราบปรามยาเสพติด เรามุ่งเน้นการขยายผลไปสู่นายทุน จึงเน้นการยึดทรัพย์ เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยง ควบคู่กับการให้รางวัลนำจับ เพื่อป้องกันเจ้าหน้าที่รับสินบนจากผู้ค้า รวมถึงจากนี้ ตนอยากให้เร่งสร้างภูมิคุ้มกันว่า ยาเสพติด เป็นสิ่งที่อันตราย ที่เสมือนเป็นการฆ่าตัวตายทางอ้อม ซึ่งตนขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันเร่งทำงาน และขออย่าประมาทในการทำงาน โดยใช้อาวุธด้วยความระมัดระวังด้วย” พล.ประยุทธ์ กล่าว
ขณะเดียวกัน ภายในงาน กลุ่มเจ้าหน้าที่ประสานงานยาเสพติดและอาชญากรรมต่างประเทศ หรือ FANC ได้มอบใบเซอร์ทิปิเคท Certificate ให้กับนายกรัฐมนตรี ด้วย รวมถึง นายสมศักดิ์ ได้มีการมอบเงินรางวัลการดำเนินการขยายผล ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด จำนวน 4 หน่วยงาน คือ ตำรวจภูธรภาค 1, ตำรวจภูธรภาค 5, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และ สำนักงาน ป.ป.ส. รวมมูลค่าทั้งหมด 7.55 ล้านบาท นอกจากนี้ ภายหลังเปิดงาน นายกรัฐมนตรี ยังได้ชมงานการขายทอดตลาดทรัพย์สินคดียาเสพติด ด้วย