รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน 2565 นำเสนอรายงานพิเศษ โจ้ ภูเก็ต เผ่นหนีคุก 1 ปีคดีหมิ่น ปิดฉากสื่อสีเทา?
อุตส่าห์แสดงออกด้วยมาดคนตรง คนจริง ไม่เคยหวั่นเกรงภัยใดๆ มาตลอด แต่พอถึงเวลาจะต้องติดคุกจริง “โจ้ สปอตไลท์” นายธรรมรัตน์ สุวรรณโพธิ์ศรี กลับเลือกใช้วิธีหนีไปซะอย่างนั้น
หลายคนรู้จักนาม “โจ้ สปอตไลท์” เป็นอย่างดี แต่หลายคนก็งงๆ เขาเป็นใครมาจากไหนไม่มีใครทราบ แต่เขามาสร้างชื่อเป็นคนดังแห่งเมืองภูเก็ต
สื่อบางสำนักเคยอวยเขาด้วยฉายา “เจ้าพ่อจอมแฉแห่งภูเก็ต” เลยทีเดียว จากการเปิดเพจ Spotlight Thailand แล้วตัวเขาแสดงบทบาทเป็นผู้ตรวจสอบบรรดาตำรวจภูเก็ต ทั้งตำรวจท้องที่และตำรวจท่องเที่ยว
งานหลัก คือเกาะติดแฉการรีดส่วยจากผู้ประกอบการต่างๆ ในภูเก็ต ทำเอาตำรวจเก้าอี้ร้อนเป็นจำนวนมาก
เป็นไม้เบื่อไม้เมากัน ตัวเขาเองก็โดนตำรวจที่ต้องเสียชื่อ จากการแฉแบบจริงบ้างไม่จริงบ้าง ลุยแจ้งความกลับระนาว มีการเปิดเผยออกมาเมื่อปี 2560 ว่า ณ เวลานั้น “โจ้ สปอตไลท์” ก็โดนแจ้งจับถึง 16 คดีเลยทีเดียว
เพจ Spotlight Thailand พอจับเรื่องส่วยเรื่องการทำงานของตำรวจ แบบถึงลูกถึงคน ทั้งโพสต์ทั้ง live สด ก็ได้ใจจากผู้ชม จนมีผู้ติดตามแล้วถึง 1.3 แสนคน
สำหรับหัวนอนปลายตีนโจ้ แม้แต่คนภูเก็ตก็ข้องใจที่มาของ “โจ้ สปอตไลท์” เพราะเขาแสดงออกเป็นคนภูเก็ต เสียยิ่งกว่าคนภูเก็ตตัวจริง ต่อมา จึงมีการขุดประวัติ ก็พบว่าเขาเป็นคนกรุงเทพฯ พเนจรมาทำงานเป็นนักข่าวท้องถิ่นในหลายๆ สำนักของภูเก็ต แต่ก็เข้ากับใครไม่ค่อยได้
สุดท้ายก็ต้องเป็นนายตัวเอง เปิดเพจเพื่อเปิดโปงตำรวจ ตลอดจนนักธุรกิจในภูเก็ต ดูเผินๆ เหมือนจะดี
แต่ก็มีคนจับสังเกตได้ หลายๆ กรณี “โจ้ สปอตไลท์” ไม่ได้ไปให้สุดทาง แต่จะเปิดโปงแบบครึ่งๆ กลางๆ แล้วเลิก หันไปหาเรื่องอื่นต่อไป
จึงเกิดเป็นเสียงร่ำลือว่า พฤติกรรมของเขาเหมือนเป็นการ “ตีเมืองขึ้น” ขึ้นต้นด้วยความขึงขัง แต่จบด้วยการเจรจาเงียบๆ
การแสดงออกในลักษณะเป็นขาใหญ่ของ "โจ้ สปอตไลท์” นอกเหนือจากการ “ขี่ตำรวจภูเก็ต” แล้ว เขายังเคยออกมาพูดช่วย “เสี่ยอ้วน” เจ้าของสถานบันเทิงภูเก็ต ที่ฆ่าแฟนสาวตัวเอง และคนรัก รวม 2 ศพ อ้างว่าเขารู้ลึกรู้จริง เรื่องเสี่ยอ้วนทุ่มเงินซื้อรักจากสาวโคโยตี้
รวมถึงโชว์ป๋า ออกหน้าชน นายสิระ เจนจาคะ สมัยเป็น ส.ส.กทม. ที่ล่องใต้มาถึงถิ่นของโจ้ แล้วแสดงอำนาจบาตรใหญ่ ว้าก รองผกก.สภ.กะรน โชว์สื่อ
ผลงานนั้น นับว่าเข้าตานักการเมืองระดับชาติถึง 2 คน
คนหนึ่งคือ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แต่งตั้ง “โจ้ สปอตไลท์” ให้เป็นถึงที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร มีการชักภาพเปิดตัวคู่กัน
อีกคนก็นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ แต่งตั้งให้โจ้มีตำแหน่งอย่างเก๋ คือเป็น “โฆษกฝ่ายค้านอิสระ”
นั่นเท่ากับ “โจ้ สปอตไลท์” กลายเป็นพยัคฆ์เสียบปีก มีฤทธิ์เดชในระดับชาติในพริบตา อย่างไรก็ตาม เขาปังได้ไม่นานก็พัง โดน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เด็ดปีกเสียเอง จัดการถอดถอน โดยให้เหตุผลว่า โจ้เอาตำแหน่งไปอ้างกับบุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ตน
กราฟชีวิตเริ่มตก เขามาโดนนายวิศิษฐ์ เอี่ยมวิโรจน์ฤทธิ์ เจ้าของโรงแรมป่าตอง พารากอน ฟ้องคดีหมิ่นประมาท จากการด่าแหลกบนเพจให้เสียชื่อเสียง
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา เมื่อปี 2563
ทั้งนี้ จำเลยให้การปฏิเสธ อ้างว่าตัวเองทำหน้าที่สื่อ ติชมโดยสุจริต แต่ศาลไม่เห็นด้วย
ต่อมา ศาลอุทธรณ์สั่งพิพากษาจำคุก 1 ปี ไม่รอลงอาญา เมื่อปี 2564 โดยเหตุที่ลดโทษให้ เพราะ “โจ้ สปอตไลท์” ยอมรับสารภาพ
จำเลยยื่นคำร้องขอฎีกา จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดภูเก็ต นัดให้มาฟังว่าศาลไม่อนุญาตให้ฎีกา เพราะเป็นคดีโทษเบา และไม่มีเหตุให้ไปต่อถึงศาลสูงสุด ให้จบแค่ชั้นศาลอุทธรณ์พอ
แต่นักสู้ผู้กล้าท้าชนกับความไม่ถูกต้อง กลับไม่มาศาล หนีเข้ากลีบเมฆไปเสียแล้ว คราวนี้เลยเข้าทางตำรวจ จากที่ตกเป็นเบี้ยล่างให้จอมแฉมาตลอด ได้พลิกสถานการณ์เป็นฝ่ายไล่ล่าบ้าง
---------------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1
