“ข่าวลึกปมลับ”เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2565 ตอน เรื่องวุ่นๆ เรือดำน้ำไทย จับตรงไหน มีแต่เรื่อง!? .
กลายเป็นศึกระหว่าง “โจ้-ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กับ กองทัพเรือ ที่จัดแถลงข่าวเรื่องราวเรือดำน้ำทุกสัปดาห์ เริ่มจากการจัดหาเรือดำน้ำจีนรุ่น Yuan Class S26T ลำแรก มูลค่า 13,500 ล้านบาท ที่อยู่ระหว่างต่อเรือที่ประเทศจีน
เกิดปัญหาไม่มีเครื่องยนต์ใส่ หลังทางประเทศเยอรมันไม่ขายเครื่องให้กับจีนเพื่อนำมาใช้ต่อเรือ จึงมีดราม่าตามมาว่า “ซื้อเรือไม่มีเครื่องยนต์”
ทำให้กองทัพเรือต้องออกมาชี้แจงยืนยัน “สัญญา” จัดหาเรือดำน้ำ ลำแรก ระบุถึงตัวเครื่องยนต์ชัดเจน ต้องเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้ารุ่น MTU396 รวม 3 เครื่อง จากเยอรมันเท่านั้น
ตามข้อตกลงที่ลงนามแบบ“รัฐต่อรัฐ” หรือ จีทูจี ระหว่าง กองทัพเรือไทย กับ บริษัท CHINA SHIPBUILDING & OFFSHORE INTERNATIONAL CO., LTD. หรือ CSOC ที่ได้รับมอบอำนาจจากบริษัท The State Administration of Science, Technology and Industry for National Defense (SASTIND) ในฐานะหน่วยงานของรัฐบาลจีน การบริหารงานด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและการส่งออกอาวุธ
ทั้งนี้ ปัญหาเกิดขึ้นจากทางเยอรมันมีนโยบายการระงับการส่งออก หรือ Embargo Policy โดยเครื่องยนต์ดีเซลของเรือดำน้ำ จัดอยู่ในรายการควบคุมการส่งออก ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเยอรมันก่อน
ความคืบหน้าล่าสุดยังอยู่ระหว่างหารือแนวทางแก้ไขระหว่างกองทัพเรือกับบริษัท CSOC ซึ่งทางจีนจะต้องแก้ปัญหาให้ได้ เพราะทางกองทัพเรือยังคงหนักแน่นว่าต้องเป็นเครื่องยนต์จากเยอรมันเท่านั้น
นอกจากนี้ ช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวว่าทางจีนเสนอให้เรือดำน้ำมือ 2 ให้กองทัพเรือไทยพิจารณา 2 ลำ ระหว่าง “เรือดำน้ำชั้นหมิง-Type 035” ที่ใช้งานมาแล้ว 30 ปี โดยรุ่นนี้ทางจีนจะให้ไทยฟรี เช่นที่จีนให้กองทัพเรือเมียนมา เมื่อ 24 ธ.ค.64 เนื่องในโอกาสครบรอบ 74 ปี การก่อตั้ง “กองทัพเรือเมียนมา”
ส่วนอีกรุ่นที่มีกระแสข่าวจีนเสนอขายไทยในราคามิตรภาพ คือ “เรือดำน้ำชั้นซ่ง-Type 039” ใช้งานมาแล้ว 20 ปี โดยทั้ง 2 รุ่น กองทัพเรืออาจต้องจ่ายค่าปรับปรุงคืนสภาพและดูแลค่าอะไหล่เอง ดังนั้นจึงไม่ใช่การให้เปล่าจริงๆ
ในขณะนี้ข้อเสนอดังกล่าวยังคงเป็นเพียง “รายงานข่าว” เท่านั้น ยังไม่มีข้อเสนอที่เป็น “ทางการ” จากจีนเสนอมายังกองทัพเรือ ทำให้ยังไม่มีการพิจารณาแต่อย่างใด
ทว่า ไม่ใช่แค่เรือดำน้ำที่พ่นพิษ แต่การ “ก่อสร้างท่าเรือจอดเรือดำน้ำ” ก็ตกเป็นเป้าเช่นกัน หลัง “โจ้-ยุทธพงศ์” ออกมาแถลงข่าวเมื่อ 27ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า คนที่บริษัท CSOC ส่งเข้ามา ได้แก่ ผู้จัดการโครงการ , รองผู้จัดการโครงการ , รองผู้จัดการโครงการฝ่ายก่อสร้าง , หัวหน้าฝ่ายควบคุมคุณภาพ
ยุทธพงศ์เปิดเผยว่า ได้ตามไปดูเรื่องการขออนุญาตเข้ามาทำงานในประเทศไทย พบว่าทั้ง 4 คน ขอใบอนุญาตเข้าประเทศไทยมา “สอนภาษาจีน” พร้อมกับตั้งคำถามว่า เป็นการหลอกรัฐบาลไทย หลอกกองทัพเรือหรือไม่
ต่อมา พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงว่าเมื่อ 22มี.ค.ที่ผ่านมา ว่า ผู้แทนที่บริษัท CSOC แต่งตั้ง โดยมีเอกสารสัญญาที่ชัดเจน คือ นาย Lang Qingxu ซึ่งเป็นผู้บริหารโครงการ และมีนายจักรพงษ์ วงศ์ธนปกรณ์ เป็นวิศวกรโครงการ มีคุณวุฒิวิศวกรโยธาระดับสามัญ
พร้อมกับยอมรับว่ากองทัพเรือตรวจพบว่า บริษัท CSOC ได้จ้างบุคคลตามที่ “โจ้-ยุทธพงศ์” ระบุว่าเป็น “ครูสอนภาษาจีน” จริง แต่ทำหน้าที่ฝ่ายจัดซื้อ ไม่ได้ควบคุมงานทางวิศวกรรม เมื่อกองทัพเรือตรวจพบด้วยตนเองว่าบุคคลดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตทำงานที่ถูกต้อง จึงไม่อนุญาตให้เข้ามาในพื้นที่โครงการก่อสร้างตั้งแต่เดือน ธ.ค.2564 โดยกองทัพเรือได้ดำเนินการเรียบร้อยก่อนที่จะถูก “โจ้-ยุทธพงศ์” กล่าวหาเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา
มาถึงจุดนี้จะเห็นได้ว่ากองทัพเรือพยายาม “แก้เกี้ยว” ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
อีกสิ่งที่ “โจ้-ยุทธพงศ์” ทิ้งบอมบ์ไว้อีกคือ งบประมาณ “โครงการท่าจอดเรือดำน้ำ”ที่แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 งบประมาณปี 2563-2564 จำนวน 900 ล้านบาท ระยะที่ 2 งบประมาณปี 2564-2566 จำนวน 950 ล้านบาท รวมเป็น 1,850 ล้านบาท
เมื่อบริษัท CSOC ได้งาน ได้ส่งคนเข้ามาในประเทศไทยเพื่อทำโครงการต่างๆที่ได้เซ็นสัญญาไป และได้ทำการเบิกเงินล่วงหน้าไปแล้ว 15 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่เม.ย.64 ผ่านมาแล้ว 10 เดือน ปรากฏว่างานยังเป็นศูนย์
ทาง โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงว่า การก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการบริหารสัญญา โดยกรมช่างโยธาทหารเรือ วงเงิน 857 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเมื่อ 28เม.ย.64 และสิ้นสุด 17เม.ย.66 รวม 720 วัน ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว 307 วัน โดยทางบริษัท CSOC ได้เบิกล่วงหน้า 15% เป็นเงิน 128 ล้านบาท
แต่ได้มีการเร่งรัดเพื่อให้เป็นไปตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้ จากการตรวจสอบปัจจุบันมีการดำเนินการก่อสร้างไปแล้วส่วนหนึ่ง หากบริษัทไม่สามารถก่อสร้างเสร็จตามสัญญาก้อจะถูกปรับหรือยกเลิกสัญญา
สำหรับโครงการเรือดำน้ำลำแรก จะเข้าประจำการกองทัพเรือ ช่วง พ.ค.67 ตามแผนงานในขณะนี้ ทว่ากลับไม่สามารถรับประกันได้ว่าเรือดำน้ำจะเข้าประจำการตามแผนได้หรือไม่ เพราะเรื่องเครื่องยนต์ดีเซลระหว่างไทยกับจีนยังไร้ข้อยุติในทางออกครั้งนี้ ทำให้ระยะเวลาทอดออกไปเรื่อยๆ
ส่วนเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ของกองทัพเรือ ยังมองไม่เห็นอนาคต หลังถูกชะลอและเบรกไปแล้ว 4 ปีงบประมาณ ตั้งแต่ปีงบประมาณ2563-2566 เรียกได้ว่า “ถูกแช่แข็ง” ไปเรียบร้อยแล้ว ถือเป็นวิบากกรรมของ “เรือดำน้ำไทย” ที่ดำไม่โผล่ ไปไม่ถึงฝั่งเสียที
-----------------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1