ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุกหมอเจ้าของคลินิกเสริมความงาม 4 ปี 12 เดือน ฉีดยาชา-ร้อยไหม ไฮโซ สูงวัยช็อคตายคาคลินิก ชี้ประมาทไม่ตรวจสุขภาพ -ซักประวัติการแพ้ยา
วันนี้ (23 มี.ค.) ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ที่ นายแพทย์ธนพล ทองประเสริฐ อายุ 53 ปี เจ้าของคลินิกเสริมความงามชื่อดังย่านทาวน์อินน์ทาวน์ กทม. เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำโดยประมาทและเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อาญา ม.291, ประกอบกิจการสถานพยาบาลและดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาลฯ
จากกรณีจำเลยได้จัดตั้งคลินิกเสริมสวย ทำศัลยกรรมเสริมความงามโดยมิได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย จำเลยได้ฉีดสสาร (ยาชาไซโคเคนผสมอาดีนาลีน) จำนวน 12 ซีซี เพื่อเสริมความงามโดยวิธีร้อยไหมให้กับหญิงอายุ 72 ปี ไฮโซสูงวัยที่เข้ารับบริการโดยประมาท ปราศจากความระมัดระวัง เป็นเหตุให้เกิดอาการแพ้ยา ริมฝีปาก และนิ้วมือสีเขียว จากนั้นจำเลยได้ปั๊มหัวใจด้วยความรุนแรงต่อเนื่อง จนกระดูกซี่โครงหัก ตับฉีกขาด เลือดออกในช่องท้อง เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย
คดีนี้ศาลชั้นพิพากษาให้จำคุกจำเลย 4 ปี ฐานกระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตาม ป.อาญา ม.291 , จำคุก กระทงละ 1 ปีฐานประกอบการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำคุกอีก 1 ปีฐานดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต
จำเลยให้การรับสารภาพ 2 ข้อหาหลังลดโทษข้อหาละกึ่งหนึ่ง (6 เดือน) รวมเป็น 12 เดือน จำคุกจำเลยทั้งหมด 4 ปี 12 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ซึ่งจำเลยได้รับการประกันตัวระหว่างอุทธรณ์
ในวันนี้จำเลยได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาพร้อมครอบครัวและทนายความ
ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่า ที่จำเลยอุทธรณ์ การกระทำของจำเลยเป็นความประมาทจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายหรือไม่ เห็นว่าการซักประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียดก่อนทำการรักษาประกอบกับคนไข้อายุมากมักมีโรคประจำตัว ดังนั้นการร้อยไหมกรณีนี้ จำเลยละเลยไม่ซักประวัติสุขภาพและตรวจสุขภาพของผู้ตายก่อน ซึ่งการกระทำดังกล่าวศาลนำมาพิจารณาประกอบพยานหลักฐานมิใช่เป็นเหตุโดยตรง อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้นพยานหลักฐานของจำเลยไม่อาจรับฟังหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ร่วมได้
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยประการสุดท้ายว่ามีเหตุสมควรลงโทษจำเลยสถานเบาและรอการลงโทษหรือไม่ เห็นว่า ที่ศาลชั้นต้นวางโทษฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และฐานดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้จำคุกกระทงละ 1 ปี ก่อนลดโทษให้กึ่งหนึ่ง และความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายจำคุก 4 ปี นับเป็นการกำหนดโทษที่เหมาะสมแล้ว กรณีไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขโทษให้เบาลงกว่านี้อีก
ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า จำเลยเป็นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ย่อมต้องดำรงตนให้สมควรในสังคมโดยธรรมและเคารพต่อกฎหมายบ้านเมือง การที่จำเลยใช้สถานที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ภายในอาคารศรีวราคอนโด เป็นสถานพยาบาลแห่งใหม่ทั้งที่ยังไม่ได้รับใบอนุญาตให้เปิด อีกทั้งไม่มีเครื่องมือจำเป็น ต่อการช่วยผู้ป่วยในภาวะวิกฤติอย่างเพียงพอ เมื่อเกิดปัญหาระหว่างการร้อยไหม ทำให้จำเลยไม่สามารถช่วยผู้เสียชีวิตได้อย่างเหมาะสม และตามคำแก้อุทธรณ์ของโจทก์ร่วมปรากฎว่าภายหลังจำเลยไม่แสดงความเสียใจและบรรเทาผลร้ายที่เกิดจากความประมาท ต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต จึงไม่มีเหตุให้สมควรรอการลงโทษ
พิพากษายืน แต่ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ผู้ร้องทั้งสามเข้าร่วมเป็นโจทก์เฉพาะความผิดฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและความผิดฐานดำเนินการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับใบอนุญาต
ด้านทนายความฝั่งครอบครัวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ทางญาติของผู้เสียชีวิตพอใจกับผลคำพิพากษาวันนี้ ยืนยันที่ผ่านทาจำเลยไม่เคยติดต่อหรือเข้ามาขอโทษแต่อย่างใด ซึ่งในวันที่เกิดเหตุนั้นจำเลยได้ไปร้อยไหมที่คลีนิกบริเวณถนนศรีวรา แต่จำเลยได้บอกว่าให้เปลี่ยนไปที่คลีนิกแห่งใหม่ที่กำลังจะเปิดเป็นคอนโดในซอยข้างๆคลีนิกซึ่งทราบภายหลังว่าอยู่ระหว่างขอใบอนุญาตจัดตั้งสถานพยาบาล และสถานที่ดังกล่าว ต้องขึ้นลิฟท์ไปและเป็นซอยคับแคบ เชื่อว่าหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะทำการช่วยเหลือได้ล่าช้า และบริเวณดังกล่าวห่างจากศูนย์เอราวัณ สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร เพียง 6 นาที เชื่อว่าหากทางจำเลยโทรเรียกคงจะสามารถช่วยผู้เสียชีวิตได้ทันท่วงที ส่วนคดีทางแพ่ง ทางญาติได้เรียกมูลค่าความเสียหาย หลักร้อยล้านบาท ที่ผ่านมาศาลแพ่งนัดไกล่เกลี่ยแต่จำเลยขอชดใช้เพียง 1 ล้านบาท ขณะนี้คดีทางศาลแพ่งอยู่ระหว่างรอผลคดีอาญาถึงที่สุด ก่อนจะนำไปประกอบการพิจารณาคดีต่อไป