รายการ “ถอนหมุดข่าว”เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม 2565 นำเสนอรายงานพิเศษ "ลิซ่า" จุดปมร้อน กม.โฆษณาเหล้า ขยี้รีดไถรายย่อย
พลันที่นักร้องสาวไทยระดับโลก “ลิซ่า แบล็กพิงค์” ได้เป็นแบรนด์แอมบาสเตอร์ของ วิสกี้ “ชีวาส” ความขัดแย้งก็ปะทุขึ้นมาทันที
โดยฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า “ผู้ประสบภัยจากมาตรา 32” เปิดฉากวิจารณ์เดือด พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 ว่าเป็นกฎหมายจำกัดเสรีภาพในการดื่มกิน โดยเฉพาะกลุ่มคราฟท์เบียร์ โดนหนักกว่าใคร
มีการรื้อฟื้นมาตรา 32 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าว มาชำแหละกันอีกครั้ง ไล่เรียงตั้งแต่การตีความ ลิซ่าถือขวดเหล้า ผิดกฎหมายหรือไม่?
ซึ่งคำตอบเบื้องต้นก็คือ เอาผิดไม่ได้ เพราะกฎหมายห้ามโฆษณาเหล้านี้ ยกเว้นให้กับการทำตลาดมาจากต่างประเทศ
ส่วนใครจะแชร์ภาพจากเมืองนอก มาออกสื่อโซเชียลไทย อันนี้ก็ยังต้องตีความกันอีก เป็นการชื่นชมนักร้องสาวไทย หรือเชิญชวนให้ดื่มเหล้ากันแน่
เบื้องต้นก็คือ ลิซ่า แบล็กพิงค์ ไม่ได้ทำผิดกฎหมายใดๆ แต่เธอได้จุดประเด็นความขัดแย้งที่มาแต่เดิมอยู่แล้ว ระหว่างกลุ่ม “คราฟท์เบียร์” กับกระทรวงสาธารณสุข ให้เดือดปุดขึ้นมา
แล้วอุณหภูมิความขัดแย้งยิ่งร้อนฉ่า เมื่อมีการปะทะคารมกันระหว่าง “หมอต้านเหล้า” นพ.สมาน ฟูตระกูล กับผู้นำสาวกลุ่มคราฟท์เบียร์อย่าง “บะหมี่ - ประภาวี เหมทัศน์”
โดยบะหมี่เข้าไปจี้ถามซ้ำๆ ในเฟซบุ๊ก “สมาน ฟู” ว่า หมอสมานได้รับส่วนแบ่งค่าปรับหรือไม่ จนหมอสมานต้องเตือนการใช้ถ้อยคำ แต่ก็ไม่ตอบชัดๆ ว่าได้หรือไม่ได้
จากนั้น หมอสมานก็โพสต์รัวๆ เกี่ยวกับข้อกฎหมาย มาตรา 32 เจ้าปัญหา โดยชี้ว่า กฎหมายนี้ออกมาก็เพื่อคุ้มครองลูกหลานไทย จากพิษภัยของแอลกอฮอล์ ที่ก่อทั้งโรค อาชญากรรม และอุบัติเหตุ
ในส่วนปมปัญหาที่สร้างความหวาดผวาไปทั่ว คือการจับปรับอย่างหนัก แค่โพสต์โชว์ขวดเบียร์นั้น
หมอสมานยืนยันว่า ถ้าไม่เข้าองค์ประกอบ อวดสรรพคุณเหล้าเบียร์ และเชิญชวนเพื่อจุดประสงค์ทางการค้า คนโพสต์อวดการกินเหล้า จะไม่ถูกดำเนินคดีแน่นอน
แต่คำพูดของหมอต้านเหล้า ก็สวนทางกับสายคราฟท์เบียร์ ที่แฉแหลกว่า เจ้าหน้าที่หากินกับการจับคนเล็กคนน้อย ที่แค่โพสต์พูดคุยเรื่องรสชาติเบียร์
เจ้าหน้าที่เหล่านั้น ไม่ใช่ “คนหิวแสง” แต่เป็น “คนหิวสินบน” ซึ่งหากินกันง่ายมาก เพราะพอจับใครมาได้ ระวางโทษปรับสูงสุดถึง 5 แสนบาท บีบให้คนที่โดนคดี ต้องยอมให้เปรียบเทียบปรับ ให้มันจบๆไป
ดีกว่าต้องไปเสียเงินจ้างทนาย เสียค่าประกันตัว และเสียเวลาสู้คดีในศาล
อย่างนักรีวิวเบียร์รายหนึ่งระบุว่า ตัวเองกินเบียร์ ต้องเสียเงินประกันตัวถึง 1 แสนบาท ขณะที่คนขี่บิ๊กไบค์ชนหมอกระต่ายเสียชีวิต ประกันตัวด้วยเงินแค่ 5 หมื่นบาท
ซึ่งการเปรียบเทียบปรับ ก็จะฟันอย่างหนักที่ 5 หมื่นบาททุกรายไป จำนวนนี้เข้ารัฐแค่หมื่นเดียว ที่เหลืออีก 80 เปอร์เซนต์ เป็นสินบนนำจับ แบ่งกันระหว่างเจ้าหน้าที่ กับคนชี้เป้า
เพราะรายได้งามพอ ถึงขนาดมีข้าราชการที่เกษียณแล้ว ทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการตระเวนไปทั่วประเทศ เพื่อชี้เป้าให้เจ้าหน้าที่จับการโฆษณาเหล้า หวังเอาส่วนแบ่ง
ลักษณะจึงดูคล้ายกับขบวนการตามจับร้านอาหารคาราโอเกะ เปิดเพลงละเมิดลิขสิทธิ์ ที่เคยอู้ฟู่ในอดีตนั่นเอง
ฝ่ายคราฟท์เบียร์ไม่งอมืองอเท้า ฮึดสู้ในระดับการแก้กฎหมาย ให้มีความเป็นธรรมต่อรายเล็กมากขึ้น จึงรายล่าชื่อเสนอเข้าสภาไปแล้ว
แต่ฝ่ายกระทรวงสาธารณสุข ก็ดูเหมือนจะไม่พอใจกฎหมายนี้เช่นกัน แต่ไม่พอใจว่าโทษยังเบาไปหน่อย
จึงมีการเสนอแก้กฎหมาย เพิ่มโทษให้หนักกว่าเดิม จากปรับ 5 แสนบาท กลายเป็นปรับ 1 ล้านบาท โทษจำคุก 1 ปี เพิ่มเป็น 2 ปี ค่าปรับรายวันจากวันละ 1 หมื่นบาท กลายเป็น 5 หมื่นบาท
แม้ นพ.สมาน ฟูตระกูล จะชี้ว่า กฎหมายนี้มีเพื่อคุ้มครองรายเล็ก ไม่ให้ถูกยักษ์ใหญ่เอาเปรียบ แต่ผลกระทบตรงๆ ของมันดูจะสวนทาง กลายเป็นการกดทับวงการเหล้า ไวน์ เบียร์ ที่ผลิตโดยรายย่อย ไม่ให้แจ้งเกิดได้เสียมากกว่า
ขณะที่ยักษ์ใหญ่เหล้าเบียร์ทั้งหลาย ต่างมีวิธีการเนียนๆ ที่จะอยู่กับกฎหมายโหดๆ นี้ อย่างมีความสุข แค่โฆษณาผ่านโซดาหรือน้ำดื่ม ก็โกยกำไรหลายพันล้านสบายๆ
-----------------------------------------
**หมายเหตุ
ดาวโหลดแอป Sondhi App ได้แล้ว
ระบบ iOS ไปที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647
ระบบ android ไปที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
สมัครสมาชิกได้แล้ววันนี้
รายเดือนเพียง เดือนละ 99 บาท
รายปี 990 บาท (10 เดือน แถม 2เดือน )
ถ้ามีปัญหาการใช้งาน app หรือการสมัครสมาชิกใน app ติดต่อสอบถามได้ที่ Line id : @sondhitalk หรือ https://lin.ee/Skns1k1