xs
xsm
sm
md
lg

ยกฟ้องนักเขียนนวนิยาย แชตเฟซบุ๊กหมิ่นสถาบัน มาตรา 112 ชี้โจทก์มีเพียงพยานบอกเล่า!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายหฤษฏ์ มหาทน หรือ ปอนด์ นักเขียนนวนิยาย (ซ้ายมือ)
ศาลยกฟ้องนักเขียนนวนิยาย เคลื่อนไหวทางการเมือง แชตเฟซบุ๊กหมิ่นสถาบัน มาตรา 112  ชี้ มีเพียงพยานบอกเล่า ฟังไม่ได้ว่าเป็นข้อความสนทนาจริง มีการเรียบเรียงหรือตัดต่อใหม่หรือไม่ เจ้าตัวยันไม่ฟ้องกลับ เชื่อ จนท.รัฐ ทำตามคำสั่ง ส่วนทนายความพร้อมแก้อุทธรณ์ของอัยการ

เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (15 มี.ค.) ที่ห้องพิจารณาคดี 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษา คดีดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง หมายเลขดำ อ.3064/2562 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ฟ้อง นายหฤษฏ์ มหาทน หรือ ปอนด์ นักเขียนนวนิยาย อายุ 31 ปี และ น.ส.ณัฏฐิกา วรธันยวิชญ์ อายุ 48 ปี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14

กรณีเมื่อระหว่างต้นเดือน ม.ค. 2559 ถึงวันที่ 27 เม.ย. 2559 วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันบังอาจพิมพ์ข้อความสนทนาโต้ตอบกัน เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตลงในเว็บไซต์ www.facebook.com ชื่อบัญชี Harit Nahaton ซึ่งเป็นของจำเลยที่ 1 และชื่อบัญชี วรารัตน์ เหม็งประมูล ซึ่งเป็นของจําเลยที่ 2 โดยจําเลยทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าข้อความดังกล่าวเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จและเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่งคงแห่งราชอาณาจักร ซึ่งเมื่อบุคคลที่สามได้อ่านข้อความ ย่อมเข้าใจได้ว่า สถาบันเบื้องสูง สนับสนุนให้มีการยึดอานาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (รสช.) และสนับสนุนการเคลื่อนไหวของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย และข้อความอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จ การกระทำของจำเลยทั้งสองทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง อันเป็นการหมิ่นประมาท และโดยประการ ที่น่าจะทำให้เกิดความเสียหาย หรือโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชนและผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร เหตุเกิดที่ แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร และทั่วราชอาณาจักรต่อเนื่องกัน โจทก์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, 83 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14


จำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว ซึ่งระหว่างการพิจารณา น.ส.ณัฏฐิกา จำเลยที่ 2 ได้หลบหนี โดยลี้ภัยไปอยู่ประเทศสหรัฐฯ ศาลจึงจำหน่ายคดีออกจากสารบบความชั่วคราว

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายที่นำสืบหักล้างแล้ว เห็นว่า พล.อ.วิจารณ์ จดแตง พยานโจทก์ ที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์ กับพวก เบิกความว่า ได้รับข้อมูลจากหน่วยงานรัฐ แต่ไม่รู้เห็นเหตุการณ์การกระทำของจำเลยทั้งสองโดยตรง ซึ่งเป็นเพียงพยานบอกเล่า เป็นการรับฟังข้อมูลเพียงฝ่ายเดียว ดังนั้น ศาลจึงต้องรับฟังด้วยความระมัดระวังว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่ โดยไม่มีผู้ใดยืนยันว่า ใครเป็นคนจัดทำข้อมูลเอกสารต่างๆ ในคดี และโจทก์มิได้นำสืบให้ศาลเห็นว่า เป็นเฟซบุ๊กของจำเลยจริงหรือไม่ พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมา จึงไม่อาจรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 กระทำผิดตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

ภายหลังฟังคำพิพากษา นายหฤษฏ์ กล่าวว่า ขอบคุณศาลที่ฟังพยานหลักฐานและตัดสินอย่างยุติธรรม และขอบคุณพยานที่มาให้การอย่างเป็นกลาง รวมทั้งทนายความด้วย ซึ่งคดีนี้ใช้เวลาต่อสู้นานเกือบ 6 ปี และดีใจที่ระหว่างต่อสู้คดีตนได้รับการประกันตัว ไม่เช่นนั้น คงต้องต่อสู้คดีอยู่ในเรือนจำ ซึ่งมีผู้ต้องหาและจำเลยหลายคนในคดีต่างๆ ที่ประกันตัวไม่ได้ และสูญเสียอิสรภาพ และจากการถูกดำเนินคดีทำให้เสียชื่อเสียง อยากให้สังคมมองอย่างเข้าใจว่า แม้ตำรวจและอัยการจะฟ้องดำเนินคดี แต่ศาลอาจจะยกฟ้องก็ได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่อยากจะทำคดีนี้ เพียงแต่ทำตามคำสั่ง จึงจะไม่ฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ในคดีนี้ ส่วนบทสนทนาในคดีนี้จะมีอยู่จริงหรือไม่ ก็เป็นไปตามที่ศาลได้พิพากษาไว้แล้ว


ด้าน นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้จำเลยที่ 1 คือ นายหฤษฏ์ ส่วนจำเลยที่สองลี้ภัยอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งสองถูกอ้างว่า ไปตรวจสอบข้อความในแมสเซนเจอร์ (ข้อความแชต) ในเฟซบุ๊ก ซึ่งถือว่าเป็นห้องส่วนตัว แต่ทางฝ่ายความมั่นคงทหาร อ้างว่า สามารถเข้าถึงได้โดยการรับรหัสและจึงคัดลอกข้อความสนทนาดังกล่าวมา ซึ่งมีการซักถามและเกิดขึ้นในค่ายทหาร มาแจ้งความดำเนินคดีข้อหาตามมาตรา 112 กับจำเลยทั้งสอง โดยไปขออายัดตัวทั้งสองคนที่เรือนจำ ต่อจากคดีอื่นที่กำลังจะได้รับปล่อยตัวชั่วคราว แล้วฟ้องร้องต่อศาลทหารเมื่อปี 2559 และคดีไม่คืบหน้า จนกระทั่งปี 2563 มีคำสั่งจากหัวหน้า คสช.ให้โอนคดีมาศาลยุติธรรม โดยศาลอาญารับคดีนี้ไว้พิจารณาและพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากไม่เชื่อพยานหลักฐานของฝ่ายโจทก์ ซึ่งได้พยานหลักฐานมาจากการดำเนินการซักถามในค่ายทหาร ซึ่งฝ่ายความมั่นคงอ้างว่าได้รับรหัสเฟซบุ๊กจากจำเลยทั้งสอง แต่ทั้งสองคนก็ปฏิเสธว่าไม่ได้ให้รหัสแต่อย่างใด แล้วโจทก์ไม่สามารถมายืนยันรหัสและพิสูจน์ในชั้นศาลได้ว่ามีการได้รหัสมาจริงหรือไม่ จึงส่งผลต่อการรวบรวมพยานหลักฐานเอกสารที่เป็นข้อความแชต แต่ไม่ใช่ไฟล์ดิจิทัลต้นฉบับ เราจึงพิสูจน์ให้ศาลเห็นว่า ข้อความที่เป็นคัดลอกมาเป็นเอกสารมีการเรียบเรียงหรือต่อตัดใหม่ รวมทั้งได้ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นกลางที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มาเบิกความสนับสนุนด้วยว่าการเปลี่ยนรูปและโปรไฟล์สามารถทำได้หรือไม่ ทั้งนี้ ศาลได้รับฟังประกอบกับการถามค้านพยานต่างๆ เห็นว่า พยานที่รับฟังมาเป็นพยานบอกเล่า ไม่มีประจักษ์พยานยืนยันเหตุการณ์ได้ทั้งหมด จึงพิพากษายกฟ้อง

ซึ่งหากอัยการจะยื่นอุทธรณ์ ทางเราก็พร้อมจะแก้อุทธรณ์ อย่างไรก็ตาม ขอให้ทางอัยการ พิจารณาถึงสิทธิของจำเลยด้วยความเป็นธรรมด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น