วันนี้ (9 มี.ค.) นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. , นายวันชัย พนมชัย อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม , พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผบก.ปส.3 ให้การต้อนรับ คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (Drug Enforcement Administration หรือ DEA) นำโดย นายจอห์น พี สก๊อต (Mr. John Scott) ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคตะวันออกไกล สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา และ นายมาร์ค สไนเดอร์ (Mr. Mark Snyder) ผู้ช่วยผู้อำนวยการประจำภูมิภาคตะวันออกไกล โดยได้ร่วมหารือถึงปัญหายาเสพติดและสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติดที่แพร่ระบาดในประเทศไทย
นายสมศักดิ์ เปิดเผยว่า ตนมีความยินดีอย่างยิ่งที่มีโอกาสต้อนรับคณะผู้บริหารสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา หรือ ดีอีเอ ขอนำเรียนว่าตอนนี้ประเทศไทยได้มีการพัฒนาในเรื่องของการปราบปรามยาเสพติดไปมาก ทั้งในส่วนของกฎหมาย คือ ประมวลกฎหมายเสพติด และยังให้ความสำคัญเรื่องการจับเม็ดยา ซึ่งภารกิจใหม่ที่เพิ่มเข้ามาและเป็นภารกิจหลัก คือ การไล่ยึด อายัดทรัพย์กลุ่มผู้ค้ายาเสพติด โดยทดลองในปีที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จเพราะสามารถไล่ยึดทรัพย์จากผู้ค้ายาได้ยอดสูงถึง 7 พันล้านบาท ส่วนในปีนี้ได้ตั้งเป้าไว้ที่ 1 หมื่นล้านบาท สำหรับเวลานี้ต้องดูในขั้นตอนการเผยแพร่กฎหมายใหม่เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมรับรู้กับกระบวนการของกฎหมายที่จะบังคับใช้ในอนาคต และตัวกฎหมายใหม่นี้ยังดึงประชาชนเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการแจ้งเบาะแสผู้ค้ายาให้กับเราอีกทางด้วย
“ผมต้องขอบคุณ ดีอีเอ ที่เข้ามาร่วมทำงานกับเจ้าหน้าที่ป.ป.ส. ซึ่งได้ร่วมมือด้านการปราบปรามยาเสพติดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ อาจมีการตั้งข้อสังเกตของสารตั้งต้นและสารเคมีที่ใช้ในการลักลอบผลิตยาเสพติดในโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ที่ต้องศึกษาเราจึงได้เชิญอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมเข้าร่วมหารือด้วย ขอให้มั่นใจว่าผมไม่เคยปล่อยปละละเลยในการปราบปรามยาเสพติด และเรื่องการใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการขนส่งยาเสพติด” นายสมศักดิ์ ระบุ
ด้าน นายจอห์น พี สก๊อต เผยว่า ในเวลานี้ ดีอีเอ มีความเป็นห่วงเรื่องสารเคมีหรือสารตั้งต้นที่โรงงานอุตสาหกรรมทั่วไปนำมาใช้ในโรงงาน เพราะสามารถนำไปผลิตเป็นยาเสพติดได้ จึงขอเสนอตัวเข้าทำงานร่วมกับฝ่ายไทย รวมถึงจัดตั้งคณะทำงานเชิงลึกให้มากยิ่งขึ้นเพื่อจะได้มีความรู้เท่าทันผู้ค้ายาเพราะเชื่อว่าหากสกัดกั้นสารตั้งต้นได้ก็จะสกัดตัวยาเสพติดได้ด้วย โดยดีอีเอพร้อมให้การสนับสนุนในเรื่องยึด อายัดทรัพย์ และพร้อมร่วมงานกับป.ป.ส. ประเทศไทยในการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งประเทศไทยกับสหรัฐฯมีเป้าหมายเดียวกันคือ เรื่องการยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด พร้อมขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ของไทยที่ได้ร่วมทำงานอย่างหนักเพื่อปราบปราบยาเสพติดมาโดยตลอด