MGR Online - ปปป.ไล่บี้ “เจ้าคุณแจ๊ค” ตามเงินทอนวัดอีก 90 ล้าน พยานซัดซื้อที่ดินด้วยตัวเอง ให้สำนักพุทธฯ พิจารณาเอาผิดวินัยสงฆ์กรณีพบเหล้า-ถุงยางในกุฏิ
วันนี้ (19 ก.พ.) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีพระสิทธิวรนายก หรือ “เจ้าคุณแจ๊ค” เจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียน ร่วมทุจริตเงินทอนวัด ว่า แนวทางหลังจากนี้ ได้สั่งการให้ชุดคลี่คลายคดีเร่งดำเนินการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ พระสิทธิวรนายก รวมถึงบุคคลใกล้ชิดคนอื่นๆ เพื่อดูว่า มีการยักย้ายถ่ายเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดไปไว้ที่ใดบ้าง เนื่องจากขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดกลับคืนมาได้เพียงแค่ 21 ล้านบาท คงเหลือเงินส่วนที่หายไปอีกกว่า 90 ล้านบาท ซึ่งยังต้องเร่งตามหา เนื่องจากการสอบปากคำพระสิทธิวรนายก เมื่อวานที่ผ่านมา ยังไม่สามารถชี้แจงเงินส่วนที่หายไปได้ อ้างเพียงแค่ว่าจำไม่ได้
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับที่ดินจำนวนทั้ง 3 แปลง มูลค่า 21 ล้านบาท ที่ทางเจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดกลับคืนได้นั้น ถือเป็นหลักฐานสำคัญในการใช้เอาผิดพระสิทธิวรนายก และพวกในครั้งนี้ เนื่องจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ รวมถึงคำให้การของเจ้าของที่ดินเดิม ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า พระสิทธิวรนายก เป็นผู้ออกเงินสดซื้อให้กับ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์” อดีต ผอ.พศ. โดยซื้อในชื่อของ นางพัทธานันท์ เบญจวัฒนานันท์ ภรรยา นายนพรัตน์ และ น.ส.ณัฏฐาภรณ์ บุตรสาว นางพัทธานันท์ ในลักษณะของการอําพรางปกปิด
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ต้องหาเพิ่มเติมหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างพิจารณาข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ที่มีอยู่ ซึ่งในเร็วๆ นี้ ทางชุดคลี่คลายคดีเตรียมจะมีการเรียกประชุมอีกครั้ง เพื่อหารือข้อสรุปกำหนดแนวทางคดี ว่า จะมีการสอบสวนเพิ่มเติมในประเด็นใดบ้าง หรือจะมีการเชิญตัวบุคคลอื่นๆ มาสอบปากคำเพิ่มเติมในฐานะพยานอีกหรือไม่ รวมไปถึงการกำหนดแนวทางสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายนพรัตน์ นางพัทธานันท์ และ น.ส.ณัฏฐาภรณ์ 3 ผู้ต้องหา ที่ยังอยู่ระหว่างการหลบหนี และคาดว่า น่าจะหนีออกนอกประเทศไปแล้วต่อไป
“ส่วนกรณีการเข้าตรวจค้นเมื่อวานที่ผ่านมา แล้วตรวจพบเจอ เหล้า ถุงยาง และปืนบีบีกัน ซุกซ่อนอยู่ภายในกุฏิของพระสิทธิวรนายกนั้น จะสามารถเอาผิดหรือมีบทลงโทษกับทางพระได้หรือไม่นั้น ต้องขึ้นอยู่กับดุลพินิจของทางสำนักพระพุทธศาสนา เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสม หรือ ว่ามีความผิดทางวินัยสงฆ์หรือไม่ ซึ่งอยู่นอกเหนืออำนาจหน้าที่ของตำรวจ” ผบก.ปปป. กล่าว