MGR Online - ดีเอสไอขยายผลตรวจยึดตู้สินค้าลอบนำเข้าเนื้อสัตว์แช่แข็งผิดกฎหมาย สำแดงสินค้าเท็จเลี่ยงภาษี รัฐเสียหายกว่า 20 ล้านบาท
สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้สนธิกำลังกรมปศุสัตว์ เข้าตรวจค้นห้องเย็นแห่งหนึ่งที่จังหวัดสมุทรสาคร เมื่อวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยตรวจสอบพบเนื้อสุกรที่ไม่มีเอกสารการนำเข้าจากกรมปศุสัตว์ และเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องมาแสดงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ มีความผิดตาม พ.ร.บ. โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 และได้ทำการอายัดสินค้าไว้ จำนวน 945 กล่อง น้ำหนัก 21,473 กิโลกรัม ประเมินมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท นั้น
วันนี้ (16 ก.พ.) นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยว่า ได้สั่งการให้กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค เร่งขยายผล โดยให้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย ล่าสุด วานนี้ (15 ก.พ.) กองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ได้สนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ เจ้าหน้าที่การท่าเรือ และเจ้าหน้าที่ศุลกากร ร่วมกันตรวจค้นบริเวณท่าเรือแห่งหนึ่งในภาคตะวันออก พบและอายัดตู้สินค้าต้องสงสัย จำนวน 10 ตู้สินค้า เนื่องจากมีแหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า มีเนื้อสัตว์ที่ลักลอบนำเข้ามาในราชอาณาจักรโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ประกอบกับมีการตรวจเอกสารการนำเข้ามาในราชอาณาจักรพบว่าไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย จึงสุ่มตรวจตู้สินค้าดังกล่าว
นายไตรยฤทธิ์ เผยอีกว่า จากการตรวจสอบพบ 1. ในรายการใบขนสินค้าขาเข้า สำแดงเป็นปลาทูลังทั้งตัวแช่แข็ง (Frozen Food Product Frozen Indian Mackerel) ปริมาณ 84,000 กิโลกรัม ราคา 2,792,638.80 บาท แต่ผลการตรวจค้นพบเป็นสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ ได้แก่ ขาไก่ (Frozen Chicken Feet) ประเทศกำเนิด Iran อัตราอากร 40% จำนวน 3 ตู้สินค้า น้ำหนักตู้ละ 29,000 กิโลกรัม อันเป็นการสำแดงเท็จ หลีกเลี่ยงการเสียภาษี และลักลอบนำเข้ามาโดยผิดกฎหมาย และ 2. รายการที่ใบขนสินค้าขาเข้า สำแดงเป็นปลาเฮก (Merluccius hubbs) ทั้งตัวแช่เข็ง (ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม) ตามประมวลรัษฎากร ปริมาณ 28,000 กิโลกรัม ราคา 1,070,511.54 บาท ผลการตรวจค้นพบเครื่องในโค (ปากหนาม) (Frozen Beef Bffals Lips) ปริมาณ 28,000 กิโลกรัม ประเทศกำเนิด Paraguay อัตราอากร 30% อันเป็นการสำแดงเท็จและหลีกเลี่ยงการเสียภาษี และลักลอบนำเข้ามาโดยผิดกฎหมาย
“การนำเข้าสินค้าดังกล่าวต้องได้รับใบแจ้งอนุญาตนำซากสัตว์เข้ามาในราชอาณาจักร (ร.6) จากกรมปศุสัตว์ แต่ผู้นำเข้าไม่มีใบแจ้งอนุญาตฯ มาแสดงต่อเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยึดสินค้าเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นอาจเป็นความผิดฐานยื่น หรือยอมให้ผู้อื่นยื่นใบขนสินค้าขาเข้า เอกสารหรือข้อมูลตาม มาตรา 202 มาตรา 243 มาตรา 244 มาตรา 252 แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 และ พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังได้ทำการอายัดตู้สินค้าต้องสงสัยไว้เพื่อตรวจสอบอีก จำนวน 6 ตู้สินค้า โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเร่งดำเนินการติดตามตรวจสอบและขยายผลเครือข่ายขบวนการที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดต่อไป” นายไตรยฤทธิ์ กล่าว