รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 15 ก.พ.65 นำเสนอรายงานพิเศษ มาเฟีย-นักการเมือง ป่วนวัดหลวงพ่อเงิน ฉก 40 ล้านไปเล่นหุ้น
สร้างชื่อมาตั้งแต่ยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ฤาจะมาเสียชื่อพังพินาศในสมัยนี้เสียแล้ว สำหรับวัดหลวงพ่อเงินบางคลาน วัดดังแห่งเมืองชาละวัน
จู่ๆ มีกลุ่มบุคคลใช้กฎหมู่ มาปิดทางเข้าออกวัดอย่างจริงจังต่อเนื่องนานนับเดือน เล่นเอาเดือดร้อนไปตามๆ กัน ทั้งพระ ทั้งชาวบ้าน และยังส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการท่องเที่ยว
ปฏิบัติการเถื่อนครั้งนี้ เป้าหมายจริงๆ คือต่อต้านรักษาการเจ้าอาวาส คือ พระครูพิสุทธิวรากร เวลาจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในวัด ถึงขั้นต้องขอกำลังตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษของจังหวัดพิจิตร มาทำหน้าที่คุ้มกัน
แม้กลุ่มคนเหล่านั้น จะไม่แตะต้องใคร แต่ก็ใช้วิธีตะโกนด่าทออย่างหยาบคาย โดนกันเละทั้งรักษาการเจ้าอาวาส และบรรดาตำรวจอารักขา
สร้างความสลดใจให้กับผู้พบเห็น ได้แต่ส่ายหน้า แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะอาจโดนหางเลขเอาได้
วัดหลวงพ่อเงินบางคลาน ชื่อเป็นทางการคือ วัดหิรัญญาราม ตั้งอยู่ ต.บางคลาน อ.โพทะเล จ.พิจิตร จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ เนื่องจากหลวงพ่อเงิน ผู้ก่อตั้ง เป็นพระเกจิชื่อดัง
โดยหลวงพ่อเงิน เป็นศิษย์ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี วัดระฆังโฆสิตาราม และก็เป็นอาจารย์ของ “เสด็จเตี่ย” กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ มีชื่อเสียงร่ำลือกันด้านอิทธิปาฏิหาริย์
วัตถุมงคลหลวงพ่อเงิน รุ่นที่สร้างในช่วงหลวงพ่อเงินมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เป็นที่ไขว่คว้าแสวงหากันมาก จึงมีราคาแพงมาก เช่นพระรูปหล่อพิมพ์นิยม พิมพ์ขี้ตา ราคาองค์ละ10 ล้านบาทขึ้น ส่วนเหรียญจอบเล็กและจอบใหญ่ ก็ราคาหลักหลายๆล้านบาท
วัดหลวงพ่อเงิน เจริญรุ่งเรืองสุขสงบมายาวนาน จนกระทั่งเมื่อปี 2557 ก็เกิดเรื่องร้ายแรง แล้วส่งผลกระทบมาจนทุกวันนี้
นั่นคือการสั่งปลดเจ้าอาวาส ณ เวลานั้น คือ พระครูวิสิฐสีลาภาณ์ เนื่องจากมีการร้องเรียนว่า ประพฤติตนไม่เหมาะสมต่อสมณเพศ และการใช้จ่ายเงินของวัด ไม่โปร่งใสหลายด้าน
ผลการไต่สวนโดยคณะกรรมการสงฆ์ พบว่าการร้องเรียนมีมูล มีการนำเงินของวัดไปเล่นหุ้นด้วยจำนวนสูงถึง 40 ล้านบาท
นอกจากนั้น เจ้าอาวาสยังเปิดศึกค้าความกับบรรดาคนที่ร้องเรียน จนเป็นคดีฟ้องร้องมากถึง 28 คดี ก่อเป็นความแตกแยกรุนแรงของวัดกับชาวบ้าน
เจ้าคณะใหญ่หนเหนือพิจารณาแล้ว เห็นชอบตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการ จึงให้เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร ดำเนินการออกคำสั่งให้พระครูวิสิฐสีลาภาณ์ ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหิรัญญาราม
ทั้งนี้ ความยืดเยื้อคาราคาซังกว่าจะมีคำสั่งปลดดังกล่าว ก็ผ่านเจ้าคณะจังหวัดพิจิตรมาแล้วถึง 4 รูป เรียกว่าไม่ค่อยมีใครอยากยุ่งกับพระครูวิสิฐสีลาภาณ์
แล้วความเสื่อมก็คืบคลานมาสู่วัดหลวงพ่อเงินทีละน้อย จำนวนคนที่เดินทางมากราบไหว้ ลดน้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด
แต่แม้จะปลดพระครูวิสิฐสีลาภาณ์แล้ว แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ย้ายออกไปไหน ยังคงปักหลักต่อในวัด แถมมีปัญหาใหม่ผุดขึ้นมาแทนที่ กลุ่มมาเฟียโผล่มาก่อกวนวัดไม่รู้จักจบสิ้น
จนปะทุรุนแรงขึ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ถึงขั้นระดมคนเกือบร้อย มาตั้งเต็นท์ปิดทางเข้าออกวัด
แม้ศาลจะมีคำสั่งให้ยุติการปิดทางเข้าออก ก็ยังไม่สลายตัวไปไหนไกล ย้ายไปชุมนุมในศาลาการเปรียญแทน เพื่อขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของรักษาการเจ้าอาวาสต่อไป
ล่าสุด เมี่อวันที่ 14 ก.พ. พระครูพิสุทธิวรากร รักษาการแทนเจ้าอาวาส ยื่นหนังสือร้องเรียนถึง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่จ.นครปฐม ขอให้แก้ปัญหานี้ให้จบเสียที
โดยหนังสือร้องเรียนระบุว่า มีนักการเมืองระดับชาติ ที่มาเป็น “แบ็กอัพ” ให้อดีตเจ้าอาวาส ซึ่งจนบัดนี้ก็ยังไม่มีการส่งมอบทรัพย์สินของวัด ตามคำพิพากษาของศาลฎีกา แต่ใช้วิธีส่งทนายและกลุ่มคนใกล้ชิด มาอ้างเหตุขัดข้องต่างๆ ควบคู่กับการก่อความวุ่นวาย
ข้อเรียกร้องจากรักษาการเจ้าอาวาส มีด้วยกัน 3 ข้อ 1. ให้พระนอกสังกัดออกไปจากวัด 2. ให้อดีตเจ้าอาวาสฯ พ้นไปจากวัด 3. ให้ผู้ชุมนุมออกไปจากวัด
ลองมาเฟียวัดสร้างปัญหายืดเยื้อมาได้ขนาดนี้ อะไรๆ คงยุติลงไม่ได้ง่ายๆ ชั่วข้ามคืนแน่