MGR Online -“บิ๊กปั๊ด-มาดามแป้ง” ร่วมงานสถาปนาตำรวจสอบสวนกลางครบรอบ 81 ปี มั่นใจเป็นหน่วยงานที่ช่วยแก้ปัญหาอาชญากรรมทางออนไลน์ได้
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ถ.พหลโยธิน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ก. เป็นประธานพิธีวันคล้ายวันสถาปนากองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ปีที่ 81 โดยมี พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.ธนา ชูวงษ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมงาน พร้อมมอบเกียรติคุณให้ข้าราชการที่ปฏิบัติดีเด่น ในหลายด้าน โดยภายในงานมี รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ ผู้บังคับการ ข้าราชการตำรวจในสังกัดร่วมงานโดยพร้อมเพรียงกัน
โดยช่วงเช้า พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อม รอง ผบช.ก. ผบก. และข้าราชการตำรวจในสังกัด ได้ร่วมพิธีตักบาตรพระสงฆ์สักการะพระพุทธพิทักษ์ธรรมนำชัย ศาลพระภูมิเจ้าที่, ศาลตายาย จากนั้นมีพิธีเจริญพุทธมนต์ เจิมอาคารที่ทำการ บช.ก.หลังใหม่ รวมทั้งเปิดสนามแบดมินตัน และสนามเทนนิส เพื่อให้ข้าราชการตำรวจได้ใช้ออกกำลังกาย โดยมี ร.ต.อ.หญิง แทมมารีน ธนสุกาญจน์ อดีตนักเทนนิสมือ 15 ของโลก ร.ต.อ.ดนัย อุดมโชค นักกีฬาเทนนิสเหรียญทองเอเชี่ยนเกมส์ ร่วมงานลงแข่งขันเป็นเกียรติในงาน
นอกจากนี้ ทาง มาดามแป้ง นวลพรรณ ล่ำซำ ประธานบริหารของบริษัท เมืองไทย ประกันภัย จำกัด (มหาชน) พร้อมทีมงานเดินทางมาร่วมงานพร้อมมอบกรรมธรรม์ให้กับ พล.ต.ท.จิรภพ ผบช.ก.จำนวน 8 พันกว่ากรรมธรรม์ ให้ข้าราชการตำรวจสอบสวนกลางเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่ทำงาน หากประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิต รายละ 1 แสนบาท
ขณะที่ช่วงบ่าย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ก.ได้เดินทางมาร่วมงานโดยได้เยี่ยมชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติและห้องสมุดเยี่ยมชมการสาธิตการปฏิบัติงานห้องศูนย์ปฏิบัติการ หรือ ccoc นอกจากนี้ เยี่ยมชมการดำเนินการศูนย์รับแจ้งความของ บช.ก. สนามยิงปืนในร่มและเยี่ยมชมศูนย์ซักถาม จากนั้นได้เป็นประธานในพิธีมอบประกาศเกียรติคุณข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่ดีเด่น ในประเภทต่างๆ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ถือเป็นหน่วยงานสำคัญที่รับผิดชอบ งานแต่ละด้านที่ส่งผลกระทบต่อความเรียบร้อยของและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนโดยตรง จำเป็นอย่างยิ่งต้องมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ตลอดจนประสบการณ์ระดับสูงมาขับเคลื่อน องค์กรให้เป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนบังคับใช้กฎหมาย ที่ทันสมัยเทียบเท่ามาตรฐานสากล เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นศรัทธา ซึ่งที่ผ่านมาได้ปฎิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความดีเยี่ยม สร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้กับพี่น้องประชาชน
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ปัจจุบันปัญหาอาชญากรรมทางออนไลน์มักไม่ปรากฏท้องที่เกิดเหตุในด้านกายภาพ ดังนั้น ต้องมีการปรับกระบวนการ แต่เดิมเหตุเกิดที่ไหนให้ไปแจ้งความที่ท้องที่เกิดเหตุนั้นๆ ตั้งระบบใหม่ที่ผ่านสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังพัฒนา คือ ระบบการรับแจ้งความออนไลน์ซึ่งจะเริ่มดำเนินการแล้วเสร็จในช่วงปลายเดือนมีนาคมเป็นต้นไป โดยกระบวนการขั้นตอนนี้หลักคิดก็คือหากประชาชนที่ได้รับความเสียหาย จากคดีทางออนไลน์ ท่านก็จะต้องแจ้งความผ่านทางออนไลน์ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งผู้เสียหายสามารถระบุท้องที่เกิดเหตุ มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ผ่านแอพพลิเคชั่นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติทำไว้รองรับ หรือหากสะดวก เข้าไปแจ้งความกับทางพนักงานสอบสวนในท้องที่ต่างๆ ก็สามารถดำเนินการได้เช่นเดียวกัน
พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวอีกว่า จากนั้นข้อมูลของท่านจะถูกนำมาวิเคราะห์ เพราะผู้เสียหายอาจจะเกิดหลายท้องที่ ซึ่งในตัวระบบจะสามารถ วิเคราะห์แผนประทุษกรรมระบุได้ว่าผู้ก่อเหตุหรือคนร้ายเป็นคนเดียวกัน จากนั้นจะมีผู้บริหารคดีดำเนินการสั่งการทีมสืบสวนเพื่อเข้าสู่กระบวนการในการติดตามจับกุมคนร้ายต่อไป อย่างไรก็ตามในส่วนกรณีที่มีมูลค่าความเสียหายน้อย ในส่วนนี้ระบบก็จะนำมาวิเคราะห์เพื่อรวมเป็นคดีเดียวกัน ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ของสังคมโลก และหากประเทศไทยทำสำเร็จก็จะเป็นประเทศในกลุ่มอันดับ 1-10 ที่มีระบบในการจัดการคดีอาชญากรรมทางออนไลน์แบบนี้
ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า ในวันนี้ได้เยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งถือได้ว่ามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเทียบเท่ามาตรฐานสากล และเชื่อว่า จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางออนไลน์ได้ ทั้งนี้ตนได้ให้นโยบายกับทุกหน่วยงานให้ดึงสมรรถภาพศักยภาพของกำลังพล ตลอดจนฝึกฝนกำลังพลให้เกิดความชำนาญ อย่างไรก็ตามปัญหาคอลเซ็นเตอร์ ก็เป็นอีกปัญหาที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน โดยวานนี้ได้สั่งการมอบหมายให้พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วยชุดทำงานเดินทางไปหาความร่วมมือกับทางการกัมพูชาถึงแนวทางในการปราบปรามและทำงานร่วมกัน พร้อมกันนี้มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนแนวทางการทำงานตลอดจนข้อมูลข่าวสารข้อมูลพยานหลักฐานในการดำเนินคดีซึ่งทางเราก็เชื่อว่าในหลายประเทศก็ประสบปัญหาเช่นกัน ดังนั้น การพูดคุยกับทางการของประเทศเพื่อนบ้านก็จะเป็นแนวทางหรือกลไกในการทำงานร่วมกันซึ่งตอนนี้เราได้มีการพูดคุยกับทางการประเทศสิงคโปร์ในการเป็นโฮสหลักในการประชุมร่วมกัน ซึ่งได้มอบหมายให้กองการต่างประเทศดำเนินการ อย่างไรก็ตาม จากการพูดคุยทางการกัมพูชาและทางการสิงคโปร์ก็เห็นด้วยในแนวคิดหลักการที่จะทำงานร่วมกันในการแก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์