xs
xsm
sm
md
lg

เปิดแผนลับสั่งตาย มาเฟียแขกที่ภูเก็ต 2 มือปืนหนีเหนือเมฆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ถอนหมุดข่าว” เผยแพร่ทางแอปพลิเคชั่น SONDHI APP และสถานีโทรทัศน์ NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 9 ก.พ.65 นำเสนอรายงานพิเศษ เปิดแผนลับสั่งตาย มาเฟียแขกที่ภูเก็ต 2 มือปืนหนีเหนือเมฆ



“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ต้องสะท้าน เมื่อเกิดเหตุสะเทือนขวัญ คนต่างชาติถูกยิงตายอย่างอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต

แล้วยิ่งน่าติดตามมากขึ้นเป็นทวีคูณ เมื่อคดีนี้ไม่ใช่เรื่องวิวาทหรือชิงทรัพย์ทั่วไป แต่เป็นเรื่องของแก๊งมาเฟียข้ามชาติ ตามล่ามาฆ่ากันในไทย

จากการตรวจสอบประวัติผู้ตาย พบความซับซ้อนซ่อนเงื่อน โดยชื่อตามพาสปอร์ต ที่ระบุว่านายซิงก์ แมนดีพ อายุ 32 ปี นั้น ที่แท้เป็นชื่อปลอม

ตัวตนแท้จริงของเขา เป็นคนอินเดีย ชื่อนายสันธุ จิมี่ ซิงห์ (Sandhu Jimi Singh) สมาชิกแก๊งมาเฟียอินเดีย ชื่อแก๊งว่า “United Nation” หรือแก๊งสหประชาชาติ มีประวัติโชกโชนด้านค้ายาเสพติด และสังหารคู่อริ

เขาใช้บริการแก๊งผ่าเล่มพาสปอร์ต ปลอมตัวตน หวังหลบมาใช้ชีวิตอันเงียบสงบกับโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์” ในย่านหาดราไวย์

จากการตรวจสอบพบว่า มาเฟียอินเดียรายนี้ เดินทางจากประเทศมาเลเซีย มายังภูเก็ต ด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว เมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา

แต่สัมผัสความงามของทะเลภูเก็ตได้แค่ไม่กี่วัน มัจจุราช 2 คน ก็ถือคำสั่งฆ่าตามมาปลิดชีวิตเขาเมื่อตอน 4 ทุ่มเศษ คืนวันที่ 4 ก.พ. ขณะกำลังจะเข้าที่พัก

ความซับซ้อนน่าสนใจ ไม่ใช่แค่เฉพาะตัวผู้ตายเท่านั้น แต่ฝ่ายมือปืนเอง ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพระดับอินเตอร์

พวกเขารู้เท่าทันวิธีการสืบสวนของตำรวจไทย และเลือกวิธีแก้ลำมาเรียบร้อย

มือปืนทั้งสองแต่งตัวคล้ายๆกัน ใส่เสื้อขาว มีฮู้ดคลุมหัว พร้อมปิดบังอำพรางใบหน้าจนมิดชิด แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่อาจปกปิดได้ มือปืนคนหนึ่งเป็นชายร่างสูงใหญ่ มีความสูงไม่ต่ำกว่า 185 ซม.

ลักษณะการเคลื่อนไหว ชี้ชัดว่าเป็นคนหนุ่มที่มีร่างกายแข็งแรง แม้ตำรวจจะไม่อาจเห็นหน้าค่าตา ภายใต้การปกปิดอำพราง แต่วิเคราะห์จากขนาดรูปร่าง ก็ฟันธงได้ว่ามือปืนเป็นชาวต่างชาติเช่นกัน

วิธีการสังหาร เต็มไปด้วยความเฉียบขาด ไม่เปิดโอกาสให้เหยื่อรอดไปได้ ร่างผู้ตายพรุนไปด้วยกระสุนทั่วร่าง ประมาณ 10 รู

ขณะที่ปลอกกระสุนซึ่งตำรวจเก็บได้จากจุดเกิดเหตุ ก็มีมากถึง 21 ปลอก เป็นกระสุนปืนขนาด 9 มม. ถึง 14 ปลอก และปืนขนาด .380 อีก 7 ปลอก

หลังจากสังหารเหยื่อแล้ว สองมือปืนยังมีวิธีการหลบหนีที่แหวกแนว โดยพวกเขาวิ่งหนีไปตามชายหาดอันมืดสนิท แทนที่จะนั่งรถหรือจักรยานยนต์ไปตามถนน

เหมือนว่าล่วงรู้วิธีการสืบสวนของตำรวจไทย มักพึ่งเบาะแสจากกล้องซีซีทีวีตามถนน เพื่อปะติดปะต่อเส้นทางหลบหนี

คดีนี้ ตำรวจจึงได้หลักฐานจากกล้องซีซีทีวีน้อยเกินไป จนหาเส้นทางหนีไม่เจอ

ในเมื่อเป็นคดีมาเฟียฆ่ามาเฟียเช่นนี้ ตำรวจคาดว่า มือปืนคงหลบหนีออกนอกประเทศไปเรียบร้อยแล้ว โดยใช้เรือเป็นพาหนะ หนีออกไปทางทะเล และคงจะยากจะหาตัวมือปืนได้ จะรู้เป็นใครก็ไม่ง่าย เพราะคงใช้หนังสือเดินทางปลอม เข้าไทยเช่นกัน

ผู้ตาย คือนายสันธุ จิมี่ ซิงห์ เป็นมาเฟียอินเดียที่ขยายอิทธิพลไปถึงประเทศแคนาดา สื่อยักษ์ใหญ่แคนาดาอย่าง “แวนคูเวอร์ ซัน” จึงสามารถตีแผ่ตัวจริงเสียงจริงของนายสันธุ จิมี่ ซิงห์ แบบสิ้นไส้

สื่อแคนาดาระบุว่า มาเฟียอินเดียรายนี้ ข้ามมามีอิทธิพลถึงแคว้นบริติช โคลัมเบีย ในแคนาดา รวมถึงนครดูไบ ในประเทศสหรัฐอาหรับอิมิเรตส์

เขาเป็นคนอินเดีย ที่ย้ายมาอยู่กับญาติในแคนาดา ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ แล้วเข้าร่วมกับแก๊งอันธพาลต่างๆ

เมื่อขึ้นชั้นเป็นสมาชิกมาเฟีย ก็จับธุรกิจค้ายา โดยมีโรงงานยาเสพติดถึง 14 แห่งในอินเดีย เคยถูกหน่วยปราบปรามยาเสพติดสากล บุกยึดยาเค กัญชา ฝิ่น และโคเคน มูลค่าสูงถึง 350 ล้านรูปี

เมื่อปี 2011 เขาสั่งฆ่าหัวหน้าแก๊ง Red Scorpion พอปี 2012 เขาร่วมปล้นเครื่องประดับในนครดูไบ ปี 2014 พัวพันฆ่าหัวหน้าแก๊งมาเฟียในแคนาดา ปี 2015 ยิงสมาชิกแก๊งสหประชาชาติด้วยกัน

ในที่สุดก็ถูกทางการแคนาดาเนรเทศ เมื่อปี 2018 แต่ยังคงเดินทางไปๆมาๆ ที่ดูไบ กับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จนมาโดนล้างแค้น จบชีวิตในเมืองไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น