xs
xsm
sm
md
lg

เงื่อนงำ! น้ำมันรั่ว ช่วยกันบิดตัวเลขต่ำ สวนทางทะเลเจ๊งยับ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 1 ก.พ.65 นำเสนอรายงานพิเศษ เงื่อนงำ! น้ำมันรั่ว ช่วยกันบิดตัวเลขต่ำ สวนทางทะเลเจ๊งยับ



ในที่สุด สิ่งที่หลายคนหวั่นเกรงก็เกิดขึ้น น้ำมันดิบที่รั่วลงทะเลระยอง ส่งคราบเปรอะเปื้อนไปถึงเกาะเสม็ดจนได้

โดยจุดรับคราบน้ำมัน ก็คืออ่าวพร้าว ซึ่งนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ยกย่องให้เป็นอ่าวที่สวยที่สุดของเกาะเสม็ด

เรื่องนี้กลายเป็นหนังม้วนเดิม กับเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วในทะเลระยอง เมื่อปี 2556 หรือเมื่อ 9 ปีก่อน ครั้งนั้นจุดที่โดนคราบน้ำมันโจมตีอย่างหนัก ก็คืออ่าวพร้าว เช่นกัน

ด้วยเทคโนโลยีทุกวันนี้ การฟื้นฟูหาดทรายสีดำเปรอะเปื้อน ให้กลับกลายมาเป็นหาดทรายขาว อาจใช้เวลาไม่นานนัก แต่ผลกระทบลึกลงไปต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล จะยังส่งผลต่อเนื่องนานหลายปี

อีกสิ่งที่ยังมีผลต่อเนื่องหลายปีเช่นกัน ก็คือคดีความ โดยจนป่านนี้ ชาวประมง และผู้ประกอบการท่องเที่ยว ที่ได้รับความเสียหาย ก็ยังไม่ได้รับเงินเยียวยา

โดยโจทก์ 222 คน ร่วมกันยื่นฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง จาก บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) บริษัทลูกของ ปตท. ตัวการทำน้ำมันรั่ว

ศาลอุทธรณ์เพิ่งมีคำพิพากษาเมื่อปี 2563 นี่เอง ให้ พีทีที โกลบอล ชดเชยความเสียหายแก่ชาวประมงรายละ 150,000 บาท ส่วนผู้ประกอบการ ให้ชดเชยรายละ 120,000 บาท

ทั้งนี้ สำนวนในศาล ระบุถึงสาเหตุของน้ำมันดิบรั่วดังกล่าว เกิดจากความประมาทเลินเล่อ แต่จำเลย คือผู้บริหาร พีทีที โกลบอล อุทธรณ์สู้คดี ปฏิเสธว่าไม่ใช่ความประมาทเลินเล่อซะหน่อย

แต่เหตุเกิดจากท่อไม่ได้คุณภาพ ที่ถูกหลอกขายมา โง่หรือแกล้งโง่ ยังมีหน้าเอาเรื่องมาอ้าง

อีกทั้งสู้ในประเด็นปริมาณน้ำมันที่รั่วลงทะเล ว่ามีแค่ 5 หมื่นลิตร ไม่ใช่จำนวนมหาศาลอย่างที่ข่าวออกเบื้องต้น

สำหรับน้ำมันดิบที่รั่วปีนี้ เป็นของ บมจ.สตาร์ ปีโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (SPRC) หลังเกิดเหตุ บริษัทออกข่าวว่าปริมาณน้ำมันที่รั่วทะเลอาจถึง 4 แสนลิตร

ต่อมา ก็ปรับตัวเลขลดลงฮวบๆ

โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งลงพื้นที่สั่งการด้วยตัวเอง จัดการช่วยเคลียร์ให้เอง บอกว่า จริงๆแล้ว น้ำมันรั่วแค่ 2 หมื่นลิตรเท่านั้น

ซึ่งก็ยังตีกัน กับคำให้สัมภาษณ์ของนายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ระบุว่า ทางบริษัทขอแก้ตัวเลข จาก 4 แสนลิตร เหลือ 160,000 ลิตร

ถึงตัวเลขไม่ตรงกัน แต่ก็ตรงกันเรื่องปรับแก้ให้น้ำมันรั่วน้อยลง ซึ่งมันจะส่งผลไปถึงรูปคดีในอนาคต เพราะน้ำมันรั่วน้อย ก็เท่ากับผลกระทบต่อท้องทะเลน้อย การจ่ายเงินชดเชย ก็ต้องน้อย

ในส่วนของดราม่า ข่าวแบบนี้ต้องมีอยู่แล้ว มีการแพร่ภาพโลมาและเต่ากระ ลอยอืดในทะเล ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ

ประสานกับคนรักทะเลอย่าง ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ โพสต์ภาพ “ปูทหาร” ขณะจมคราบน้ำมันตายที่หาดแม่รำพึง สร้างความเศร้าสลด ระคนโกรธแค้นไปทั่ว

ว่าไปแล้ว ธุรกิจสเกลใหญ่อย่างโรงกลั่นน้ำมัน ไม่ควรแสดงออกถึงการความใจแคบ ในการชดเชยเยียวยา ทั้งที่ความผิดพลาดของตัว สร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งระบบนิเวศ และความเป็นอยู่ของคนที่ทำมาหากินกับทะเล

เป็นยักษ์ใหญ่ แต่กลับควักยาก ควักน้อย แถมพร้อมจะสู้คดียาวๆ เป็นหนังชีวิต เหตุการณ์น้ำมันรั่วในทะเลไทย จึงเกิดขึ้นซ้ำซากถึง 235 ครั้งแล้ว ในรอบ 45 ปี ราวกับไม่รู้สึกว่าเป็นบทเรียน

เทียบกับบริษัทน้ำมันเบอร์ 1 ของอังกฤษอย่าง BP ที่เคยพลาดทำน้ำมันรั่วถึง 4.9 ล้านบาร์เรล ที่อ่าวเม็กซิโก ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2010

ทาง บีพี ยอมรับผิดทั้งคดีแพ่งและอาญาแต่โดยดี ยอมจ่ายค่าปรับให้รัฐบาลสหรัฐ 1.35 แสนล้านบาท ชดเชยให้ประชาชนและภาคธุรกิจ 2.34 แสนล้านบาท และทุ่มเงินอีก 1.68 แสนล้านบาท ฟื้นฟูธรรมชาติจนกลับมาดังเดิม

เป็นการจ่ายเงินชดเชยค่าน้ำมันรั่วที่สูงที่สุดในโลก แต่ บีพี ก็ไม่ล้มละลาย และยังคงเป็นยักษ์ใหญ่ของโลกมาถึงทุกวันนี้ อย่างสง่างาม

ย้อนกลับมาเมืองไทย ทุกคนก็รู้แก่ใจ เหตุการณ์แบบนี้ จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น