xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวลึกปมลับ : ศึกหลักสี่สะเทือน 3 ป. สัญญานถอยดีกว่า!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“ข่าวลึกปมลับ”ออกอากาศทาง NEWS1 ล้วงปมลึก คลายปมลับ ตีแผ่ประเด็นร้อน กับ นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมือง และกระบวนการยุติธรรม วันจันทร์ที่ 31 มกราคม 2565 ตอน ศึกหลักสี่สะเทือน 3 ป. สัญญานถอยดีกว่า!?



ผลการเลือกตั้งซ่อม กรุงเทพฯ เขต 9 หลักสี่-จตุจักร บ่งชี้นัยความจริงทางการเมืองได้เป็นอย่างมาก เพราะเป็นสนามเลือกตั้งซ่อมในรอบเกือบ 3 ปี ที่ถือเป็นชัยชนะในการเลือกตั้งซ่อมของพรรคฝ่ายค้านครั้งแรก

และเป็นความพ่ายแพ้ของพรรคแกนนำรัฐบาล อย่างพรรคพลังประชารัฐ 3 ครั้งรวด ที่นับมาจากหลังปราชัยต่กเลือกตั้งซ่อม จ.ชุมพร และ จ.สงขลา เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน

แต่ครั้งศึกหลักสี่นี้เรียกว่า “แพ้ยับเยิน” ได้ที่ 4 คะแนน “มาดามหลี-สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ” ได้ไม่ถึงหมื่น ได้ไปเพียงราว 7,900 คะแนนเท่านั้น

“บทเรียน” ที่ พปชร. ได้รับครั้งนี้ สะเทือนไปถึงขั้วอำนาจ “3ป.” ที่อยู่ในช่วงขาลง ที่ชัดเจนคือชื่อ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เริ่มฝืดดูท่าจะขายไม่ออก ไม่นับรวมผลงานรัฐบาลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา สร้างความผิดหวัง ทำให้ “ความน่าเชื่อถือ” หายไป กระแส “ลุงตู่” ที่เคยขายได้ 3 ปีก่อนหายไปแทบไม่เหลือแล้ว

ปัจจัยลบอีกด้าน ก็มาจากปัญหาศึกใน พปชร. ระหว่าง “บิ๊กตู่” กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ทำให้ พปชร. ไร้เอกภาพ เปิดศึกกันเองของแต่ละขั้วภายในพรรค แม้แต่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ก็เอาไม่อยู่

งานนี้ ทำให้ พปชร. อ่อนแอลง โดยน้ำมือคนในพรรคด้วยกันเอง ทั้งที่พรรคความพร้อมสุดขีด มีกระสุนและเสบียงเต็มคลัง

ที่สำคัญสัญญาณ พปชร. จะพ่ายเลือกตั้ง เด่นชัดตั้งแต่พรรคไม่มีแผนการหาเสียง ไม่ตั้งเวทีปราศรัยใหญ่เฉกเช่นพรรคอื่นๆ และหากพิจารณาดูจะพบว่าบรรดาแกนนำพรรคก็ไม่ได้สนใจ ไม่มีการปล่อยของเต็มที่

ผลออกมาที่น่าสนใจอย่างมาก คือ แม้แต่พื้นที่ค่ายทหาร พปชร. ก็ถูกพรรคอื่นเจาะไปได้ด้วย สะท้อนว่า ทหารส่วนหนึ่ง ก็ไม่เอารัฐบาลเหมือนกัน

สำหรับผู้ชนะ “พรรคเพื่อไทย” ซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์และตามผลโพลที่ทำก่อนเลือกตั้ง เพราะตัวผู้สมัคร “อ๊อบ-สุรชาติ เทียนทอง” เมื่อครั้งเลือกตั้งปี 62 แพ้ “สิระ เจนจาคะ” ไปไม่กี่พันคะแนน ทำให้มีแต้มต่อเดิมอยู่แล้ว

รวมทั้งช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่ทิ้งพื้นที่ ทำให้มีผลงานสู้ศึกครั้งนี้ จึงขยี้คู่แข่งอย่างเมียสิระไปได้ไม่ยาก

แม้งานนี้ต้องมาเจอการ “ตัดคะแนน” กันเอง จาก “พรรคก้าวไกล” ที่ส่งดาราฝีปากกล้า ยืนตรงข้ามรัฐบาล อย่าง “เพชร-กรุณพล เทียนสุวรรณ” ที่เรียกว่ามาแรง ขึ้นระดับหัวตารางได้ที่ 2 เอาชนะ “อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” หลักร้อยคะแนน คนเก่าในพื้นที่ไปด้วย

งานนี้พรรคก้าวไกลเรียกได้ว่า “ชนะในแพ้” ถือเป็นการปักธง กทม. ครั้งแรกของ “พรรคก้าวไกล” หลังพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบไป

ทั้งนี้ “พรรคก้าวไกล” หาเสียงขับเน้นเชิงอุดมการณ์มากกว่านโยบาย โดยเฉพาะการเข้าไปชนกับ “ขั้วอำนาจ 3ป.” ในสภา รวมทั้งการ “ปฏิรูปกองทัพ” เพราะเป็นเขตเลือกตั้งที่มีค่ายทหารจำนวนมาก

จุดควรสนใจคือ “พรรคก้าวไกล” ได้คะแนนคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของผู้มาใช้สิทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยได้คะแนนเพิ่มจากปี 62 จาก 20 % เป็น 24 % ส่วนพื้นที่ค่ายทหาร เพิ่มจาก 26 % เป็น 35 %

มาที่ “พรรคกล้า” พรรคน้องใหม่ที่ทุ่มสุดกำลัง เพราะระดับ “อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” เลขาธิการพรรคฯ มาทวงคืนพื้นที่เอง การได้ลำดับที่ 3 คะแนนตีคู่ก้าวไกล แพ้เพียงหลักร้อยคะแนนเท่านั้น ทำให้พรรคกล้าคุยฟุ้งเทียบชั้นพรรคก้าวไกลที่มี ส.ส. ในสภา 50 และยกตัวเองเป็นมวยหลักสนาม กทม. ด้วย

ผลการเลือกตั้งซ่อม 3 ครั้งที่ผ่านมา จากชุมพร สงขลา ถึงศึกหลักสี่ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น ทางหนึ่งเหมือนสัญญาณ ตีป่าให้เสือตื่น เหล่านายพล 3ป.คงรับรู้แล้ว แต่จะคิดอย่างไรกับปัญหา

จะเดินหน้าต่อไป หรือจะยอมลงจากหลังเสือ เพื่อไม่ให้เจ็บตัว เพราะสิ่งใดที่เสื่อมทรุด ก็ยากที่จะกอบกู้


กำลังโหลดความคิดเห็น