xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้จำคุก 1 เดือน “ชาญศักดิ์ ธนเตชา” นักธุรกิจ ให้การเท็จหวังช่วย “บรรยิน” หลุดคดีฆ่า “เสี่ยชูวงษ์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ และ นายชาญศักดิ์ ธนเตชา (แฟ้มภาพ)
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นจำคุก 1 เดือน โดยไม่รอลงอาญาหรือกักขัง “ชาญศักดิ์ ธนเตชา” นักธุรกิจ ให้การเท็จกับเจ้าพนักงาน หวังช่วย “บรรยิน” หลุดคดีฆ่า “เสี่ยชูวงษ์”

เมื่อวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลเเขวงพระนครเหนือ อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีที่พนักงานอัยการ โจทก์ และ นางศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยา นายชูวงษ์ แซ่ตั้ง หรือ เสี่ยชูวงษ์ โจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นายชาญศักดิ์ ธนเตชา นักธุรกิจ เป็นจำเลย ในความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเกี่ยวกับความผิดอาญาแก่พนักงานสอบสวน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172

กรณีที่ นายชาญศักดิ์ ให้ปากคำแก่คณะพนักงานสอบสวนคดีปลอมแปลงเอกสารสิทธิการโอนหุ้น และคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ เกี่ยวกับช่วงเวลาที่ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ ขับรถออกจากสนามกอล์ฟ วันที่ 26 มิ.ย. 2558 บิดเบือนไป ซึ่งเป็นวันที่นายชูวงษ์ นั่งโดยสารรถคันดังกล่าวมาด้วยกับ พ.ต.ท.บรรยิน แล้วเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต

โดยชั้นการพิจารณาของศาลชั้นต้น (ศาลแขวงพระนครเหนือ) นายชาญศักดิ์ จำเลย ให้การรับสารภาพ ศาลจึงพิพากษาจำคุก 2 เดือน โดยการรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน และเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีและคำแถลงประกอบคำรับสารภาพแล้ว อีกทั้งไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้เปลี่ยนโทษจำคุก เป็นกักขังแทนมีกำหนด 1 เดือน

ต่อมาโจทก์ร่วม และจำเลยยื่นอุทธรณ์ ซึ่งจำเลยได้ประกันตัวไประหว่างอุทธรณ์คดี

โดยศาลอุทธรณ์พิพากษาว่า ที่โจทก์ร่วมอุทธรณ์ว่าไม่สมควรลดโทษแก่จำเลย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 นั้น การลดโทษตามมาตรา 78 เป็นดุลพินิจของศาลที่จะต้องพิจารณาว่ามีเหตุสมควรลดให้หรือไม่ คดีนี้จำเลยรับสารภาพ และโจทก์กับโจทก์ร่วมมิได้สืบพยานจึงไม่อาจกล่าวได้ว่าโจทก์และโจทก์ร่วมมีพยานหลักฐานเป็นอย่างไร และจำเลยจำนนต่อพยานหลักฐานเช่นว่านั้น คำรับสารภาพย่อมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ตามมาตรา 78 สมควรลดโทษให้จำเลย ที่ศาลชั้นต้นลดโทษให้จึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ร่วมข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์ในประการต่อไป โดยโจทก์ร่วมขอให้ลงโทษจำเลยสถานหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 โดยไม่เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขัง และจำเลยขอให้รอการลงโทษจำคุก ลดโทษกักขังหรือเปลี่ยนโทษกักขังเป็นรอการกำหนดโทษจำคุกนั้น

ศาลเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย กับไม่คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับบุคคลอื่นและผลกระทบต่อความเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมเพราะเป็นช่องทางให้ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษ พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่มีเหตุสมควรที่จะเปลี่ยนโทษจำคุกเป็นกักขังแทนหรือลดโทษหรือรอการกำหนดโทษให้แก่จำเลย แม้จำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน หรือมีภาระต้องอุปการะเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว หรือมีเหตุอื่น ๆ ตามที่จำเลยอุทธรณ์ก็เป็นเหตุผลส่วนตัวไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะรับฟังเพื่อรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยอุทธรณ์ของโจทก์ร่วมฟังขึ้น ส่วนอุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น

ศาลอุทธรณ์ จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ไม่เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขัง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชาญศักดิ์ จำเลยจะต้องรับโทษจำคุก 1 เดือน ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น แต่จำเลยยังใช้สิทธิยื่นฎีกาได้ ซึ่งจำเลยได้ยื่นประกันตัวไปในชั้นฎีกา
กำลังโหลดความคิดเห็น