xs
xsm
sm
md
lg

“ตู้คีบตุ๊กตา”พนันกลางห้าง “เจ้าพ่อเฮง” คิดการใหญ่ ระดมทุนจีน เข้าตลาดหุ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 24 ม.ค.65 นำเสนอรายงานพิเศษ “ตู้คีบตุ๊กตา”พนันกลางห้าง “เจ้าพ่อเฮง” คิดการใหญ่ ระดมทุนจีน เข้าตลาดหุ้น



มันดูน่ารัก ดูแอ๊บแบ๊ว ไม่มีพิษภัย น่าเล่นน่าลอง แต่เอาเข้าจริงแล้ว บรรดา “ตู้คีบตุ๊กตา” ที่ตั้งเกลื่อนไปทั่วห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ มี “ด้านมืด” ที่คนมากมายยังตามไม่ทัน

คือ 1.มันเสียมากกว่าได้ มีลักษณะของการพนัน ทั้งที่ดูภาพเผินๆ เหมือนไม่ใช่การพนัน

2.มันโผล่มาอยู่ในห้าง อย่างเปิดเผยได้ซะงั้น ทั้งที่เป็นการพนันที่ผิดกฎหมาย

“ตู้คีบ” ในทุกวันนี้ มันก็คือพัฒนาการของ “ตู้ม้า” ที่ในอดีต เคยเป็นเกมตู้ฮอตฮิตผิดกฎหมาย ที่สร้างฐานะความร่ำรวยมหาศาลให้กับ “เจ้าพ่อ” คนลงทุน

ลงทุนทั้งซื้อและนำเข้าตู้ม้า และยังต้องลงทุน จ่ายเบี้ยบ้ายรายทางให้เจ้าหน้าที่รัฐ

แต่ความที่ “ตู้คีบ” มันดูหน้าตาน่ารักไม่ค่อยเป็นอบายมุข คนละแบบกับ “ตู้ม้า” เลยกลายเป็นของโดนใจคน เข้าถึงง่ายเสียยิ่งกว่าตู้ม้า

คนเล่นที่เสียตังค์มากมาย มักไม่รู้สึกในแง่ลบ ว่าตู้คีบตุ๊กตาเป็นการพนัน แต่มองว่าเป็นแค่เกมที่คุณต้องพัฒนาตัวเองเพื่อเอาชนะ สวนทางกับบทสรุปจากหน่วยงานราชการ ที่ฟันธงไปแล้ว มันคือการพนัน

แม้มีตู้คีบบางแบบที่ออกแบบมา เพื่อไม่ให้เป็นการพนัน ถูกส่งมาปนๆ ให้งงๆ สับสน แต่ตู้ยอดฮิตที่เล่นกันทั่วไปทุกเพศทุกวัย นั่นคือตู้คีบ แบบที่เป็นการพนัน

ตู้คีบการพนัน คนเล่นจะหยอดเหรียญที่มูลค่าไม่เท่าราคาตุ๊กตา เพื่อหวังจะได้ตุ๊กตา หลักการมีง่ายๆ แค่นี้

พอร่ำรวยจากความที่ผู้คนตามไม่ทัน รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจ

ทำนองเดียวกันกับตู้ม้ายุคก่อน เจ้าพ่อตู้คีบก็เตรียมสยายปีกอีกขั้น เตรียมนำบริษัทตัวเองเข้าตลาดหลักทรัพย์ โกยเงินแบบถูกกฎหมายอีกกระท่อก

พลิกปูมตู้ม้าเมืองไทยในอดีต สู่ตู้คีบปัจจุบัน ต้องย้อนไปไกลร่วมครึ่งศตวรรษเลยทีเดียว

ถ้าเอ่ยถึง “เป๋ สามย่าน” ราชาตู้ม้า เชื่อว่าสังคมสีกากีไม่มีใครไม่รู้จัก “เป๋ สามย่าน” มีอาชีพบังหน้าเป็นเจ้าพ่อสถานบันเทิงหรู แต่เบื้องหลังรายได้ที่เป็นกอบเป็นกำสร้างความร่ำรวยที่แท้จริง ก็คือธุรกิจใต้ดิน มีทั้งสนามม้าจำลอง และตู้ม้ากระจายอยู่ทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานคร

จนในที่สุด ราชาตู้ม้าสามารถใช้เม็ดเงินผิดกฎหมาย ฟอกตัวผันมาเป็นเจ้าของตู้เกม และยังก้าวหน้าเป็นตัวแทนบริษัทข้ามชาติ ถือลิขสัทธิ์เป็นเจ้าของเกมค่ายใหญ่ของโลก

กระทั่งมาถึงยุคเปลี่ยนผ่านจากอนาล็อก สู่ดิจิตอล จึงมีตัวตายตัวแทน มีคลื่นลูกหลังขึ้นมาบดบังรัศมี นามว่า “เสี่ยเฮง”

เขาคนนี้ ก้าวย่างมาพิมพ์เดียวกัน คือเริ่มเติบโตจากกิจกรรมสีเทาตู้คีบ จากไม่กี่สิบตู้วางตามห้างสรรพสินค้า ก่อนค่อยๆขยับขยาย จนกลายเป็นเจ้าพ่อตู้คีบหมายเลข 1 ของประเทศไทย

ว่ากันว่าเขามีตู้คีบตุ๊กตากระจายตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำต่างๆทั่วประเทศจำนวนหลายหมื่นตู้ กระทั่งเมื่อมีฐานะการเงินแข็งแกร่ง เสี่ยเฮง จึงลงทุนสร้างสวนสนุกบนห้างใหญ่ โดยยึดหัวหาดห้างดังย่านถนนรัชดาภิเษก พื้นที่ สน.ห้วยขวาง ห้างดังย่านรามอินทรา บางกะปิ ย่านปทุมวันและอีกหลายแห่งทั้งภาคตะวันออก กับมหานครทั่วประเทศ

กระทั่งปี 2562 ก่อนการระบาดหนักของโควิด-19 เสี่ยเฮง คิดการใหญ่ มีการเปิดตัวในฐานะผู้กว้างขวางในธุรกิจเกมส์หยอดเหรียญ แถลงข่าวขอการสนับสนุนจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ไฟเขียวเปิดทางสะดวกแก่กิจการนี้ เนื่องจากมีเม็ดเงินหมุนเวียนมากถึง 5 พันล้านบาทต่อปี

อ้างว่า หากไม่มีปัญหาใด จะมีนักลงทุนทั้งจีน ใต้หวัน เกาหลีและญี่ปุ่นนำเม็ดเงินเข้ามาและเชื่อมั่นว่าจะสร้างรายได้ให้กับประเทศอีกทางหนึ่ง

หลังการแถลงข่าว เสี่ยเฮงถึงกับประกาศว่าก้าวต่อไปคือการนำกิจการทั้งหมดเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมทำให้ถูกกฎหมายทุกอย่าง

คำประกาศเสี่ยเฮง สร้างความฮือฮาให้กับแวดวงสีเทาเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากทราบกันดีว่า ตู้คีบเป็นสิ่งผิดกฎหมาย หลอกเอาเงินค่าขนมเด็ก ไม่ต่างอะไรกับกิจกรรมตู้ม้า

แม้คนเมืองจะเห็นตู้คีบวางอยู่ตามห้างสรรพสินค้า หรือใกล้ฟาสต์ฟู้ดในห้างเล็กห้างน้อยต่างๆจนคิดว่าเป็นของธรรมดา เป็นกิจการสุจริต แต่แท้จริง ตู้คีบยังคงเป็นเรื่องต้องห้าม เป็นสิ่งผิดกฎหมาย

แต่การที่ผู้รับผิดชอบเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ก็คงเพราะเศษเงินที่เสี่ยเฮงหว่านลงมา วันนี้จึงต้องถามใจผู้มีอำนาจหน้าที่กันแล้ว ว่าจะทำอย่างไรกับสวนสนุกแอบแฝงยาพิษ ทำอย่างไรกับตู้คีบ ที่กำลังฟื้นตัวและรุกคืบอย่างหนักตามห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ

และที่สำคัญเจ้าพ่อ ผู้เป็นราชาตู้คีบเมืองไทย กำลังตกแต่งบัญชีเพื่อรอเข้าตลาดหลักทรัพย์เสียด้วย มันจะน่าเกลียดต่อสังคมไทยมากไปหรือไม่ เรื่องนี้รัฐบาลต้องมีคำตอบ


กำลังโหลดความคิดเห็น