สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) สังกัดกระทรวงยุติธรรม บทบาทหลักคอยสนับสนุน กำหนดนโยบายกวาดล้างยานรกทุกชนิดที่จะเข้าไปทำลายจุดเล็กๆ ของสังคมก็คือ ครอบครัว หากหลุดไหลมาได้จะสร้างผลกระทบเป็นวงกว้าง
“รองบอย” นายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ป.ป.ส. โยกย้ายตามวาระหน้าที่จากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อดีตมือปราบแชร์ลูกโซ่คดีสำคัญ อาทิ แชร์ลูกโซ่ Forex-3D ที่มีบุคคลหลายวงการเข้ามาพัวพัน มูลค่าความเสียหายมหาศาล , กลุ่ม ช.เล็ก สุโขทัย ชักชวนชาวบ้านร่วมลงทุนอ้างผลตอบแทนสูง ในลักษณะการฉ้อโกงประชาชน หรือ แชร์ “แม่มณี” เน็ตไอดอลชื่อดัง กับพวก ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน เป็นต้น จนล่าสุดมาจับงานด้านยาเสพติด
“ผมมองว่างาน ป.ป.ส. และ ดีเอสไอ จริงๆ แล้วทักษะองค์ความรู้นำมาใช้ไม่แตกต่างกันเพราะเป็นงานสืบสวนแต่หน้าที่เราต้องมีงานบริหารเพิ่ม จากประสบการณ์ที่เคยยึดทรัพย์หรือสืบทรัพย์ที่ผ่านมาสามารถประยุกต์ได้อย่างลงตัว แต่ต้องบวกความสัมพันธ์กับบุคคลในองค์กรจะนำไปสู่ความสำเร็จของผลงานได้”
“รองบอย” เอ่ยว่าส่วนตัวแล้วเป็นคนอารมณ์ดีแต่ทำงานจริงจัง ลุยทุกคดีสู้ไม่ถอยและชอบทำงานด้วยความรวดเร็ว เมื่อย้ายมาอีกหน่วยงานเหมือนมีโจทย์ใหญ่ขึ้น คือ เป้าหมายการยึดทรัพย์คดียาเสพติดมีมูลค่าสูง และจะพยายามทำให้ได้ พร้อมเรียนรู้ปรับเปลี่ยนเทคนิคการทำงานใหม่ๆ ไม่อยู่นิ่ง
เหตุการณ์ประทับใจนั้น ไม่มีอะไรพิเศษเพราะทุกงานในสีเสื้อข้าราชการ ทำเต็มที่อยู่แล้วและภูมิใจกับการทำงานมาตลอด สิ่งสำคัญคือการลงพื้นที่ช่วยคนเดือดร้อน อย่างคดีฉ้อโกงประชาชน เราเห็นชาวบ้านดีใจน้ำตาไหล เอาคนผิดมาลงโทษได้ และอีกสิ่งหนึ่งตอนเวลาทำงานยึดถือคำสอนในหลวง ร.9 พบว่าสามารถนำมาใช้ในการปฏิบัติงานได้จริง
สมัยวัยเด็ก “รองบอย” เติบโตจากครอบครัวข้าราชการ ตั้งแต่รุ่นปู่ ลุง พ่อ ในบ้านมีทั้งตำรวจและทหาร แต่ตำรวจเยอะกว่า ด้วยความเป็นลูกตำรวจ คุณพ่อ คือ พล.ต.ต.ศิริชัย วัฒนวรางกูร (นรต.19) เวลาท่านโยกย้ายไปไหนก็ต้องตามไปด้วยส่วนใหญ่จะอยู่ทางภาคตะวันออก จึงซึมซับมาตลอดแล้วก็ฝันอยากเป็นตำรวจ แต่ส่วนตัวพ่อไม่อยากให้เป็น บอกว่าทำอาชีพอื่นบ้างเพราะที่บ้านเป็นตำรวจกันเยอะแล้ว
สุดท้ายก็ไม่พ้นชีวิตผลักดันให้มารับราชการบรรจุที่แรก ช่วงปี 2543 ณ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ งานต่อต้านการก่อการร้าย กระทั่งปี 2547 มีประกาศก่อตั้งกรมใหม่ขึ้น คือ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงสมัครขอโอนย้ายมา ตำแหน่งแรก คือ เจ้าหน้าที่คดีพิเศษส่วนสืบสวนและสะกดรอยคนแรกของดีเอสไอและอยู่มาเรื่อยๆ จนเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานตามลำดับ
ชีวิตชายคาดีเอสไอ 5 ปีแรก “รองบอย” กล่าวว่า ระหว่างปี 2547 -2551 ตัดสินใจลงพื้นที่สีแดง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะนั้นมีเหตุการณ์ปล้นปืน เป็นคดีความมั่นคง เลยหาคนสมัครใจลงไปและอยู่ยาว 5 ปี ทำคดีทั้งปล้นปืน ลอบวางระเบิด ฯลฯ ตอนลงไปช่วงแรก สมัยหนุ่มๆ เพราะชอบความท้าทาย ยังไฟแรง อยากรู้อยากลุย มากกว่าในช่วงเวลานั้น
ใช่ว่าชีวิตมีแค่รับการราชการอย่างเดียว แต่ยังทำงานภาคสังคม ยังเป็นอุปนายกสมาคมกีฬาเจ็ตสกีแห่งประเทศไทย คอยซัพพอร์ตนักกีฬาเดินทางไปแข่งขันที่ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเป็นผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายของบอร์ดกีฬาอาชีพ ส่วนงานอดิเรกเป็นคนชอบออกกำลังกาย เล่นกีฬา พอรับราชการก็เตะฟุตบอล ปัจจุบันเล่นกีฬากอล์ฟด้วย มองว่ากีฬานำพาซึ่งความสามัคคี ยังเป็นประธานชมรมบิ๊กไบค์ มีสมาชิกกลุ่ม 30-40 คน ส่วนใหญ่ออกทริปไปทำบุญ หรือมอบสิ่งของช่วยเหลือตามสถานที่ต่างๆ มีไลฟ์สไตล์ชอบกีฬา Outdoor ออกต่างจังหวัดบ่อย และชอบวิ่งเทรล
สำหรับของสะสมเป็นพระเครื่อง กว่า 100 องค์ ปืน 12 กระบอก โดยตัวเองโชคดีอย่างเพราะคุณพ่อรับราชการหลายพื้นที่ท่านก็มีพระเก่าให้สะสม ครั้งหนึ่งเคยมีเยอะกว่านี้แต่ถูกโจรยกเค้าที่บ้านสมัยนาน มาแล้ว 400-500 องค์ ช่วงนั้นเช่าบ้านสมัยรับราชการช่วงแรกๆ นอกจากนี้ ก็มีอุปกรณ์เกี่ยวกับกอล์ฟบ้าง
“ตอนเล็กๆ เราเห็นพ่อเป็นหัวหน้าหน่วยหรือผู้บังคับการจังหวัด เราเห็นว่าเขาทำงาน หรือสั่งการลูกน้องแล้วสามารถทำประโยชน์ช่วยคนที่เดือดร้อนมาเยอะ พอเรามารับราชการอยู่กระทรวงยุติธรรม หน้าที่จริงๆ ก็คือการให้ความเป็นธรรมกับคนนี้แหละ ไม่ว่าจะอยู่กรมหรือหน่วยงานไหนก็สามารถทำได้ ส่วนอนาคตผมเองก็ไม่รู้ว่าจะไปได้ถึงไหน แต่จะทำให้มันดีที่สุด ในเวลารับราชการที่เหลืออีก 13 ปี ก่อนเกษียณ ไม่ว่าจะอยู่จุดไหนก็ขอทำหน้าที่ของตัวเองเต็มที่”
“จิบชาตราชั่ง”
