ศาลสั่งจำคุกคนละ 1 ปี อดีตผู้ตัดสินฟุตบอล 2 ราย กับผู้จ้างวานอีก 1 ราย และปรับคนละ 2 แสนบาท คดีล้มบอลไทยลีก 2 คู่สมุทรสาคร -ระยองเอฟซี แต่ให้การรับสารภาพรับโทษ เหลือจำคนละ 6 เดือน ปรับคนละ1 แสนบาท ศาลปราณีให้โอกาสกลับตัวเป็นพลเมืองดี จึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (19 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณา 905 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษา คดีจ้างล้มบอลไทยลีก 2 คดีหมายเลขดำ อ.1105/2562 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้อง นายณฐกร ฉิมพาลี อายุ 35 ปี อดีตกรรมการผู้ตัดสินฟุตบอลระดับไทยลีก 1 ,นายเทอดศักดิ์ ทองกล่ำ อายุ 45 ปี อดีตกรรมการผู้ตัดสินฟุตบอลระดับไทยลีก 2 และ ด.ต.พงศ์พันธ์ วงศ์สุบรรณ อายุ 52 ปี อดีตผู้บริหารสโมสรฟุตบอลแห่งหนึ่งร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ความผิดตาม พ.ร บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ.2556 ซึ่งในชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพ และได้รับการประกันตัว
อัยการโจทก์ฟ้องระบุพฤติการณ์ความผิด สรุปว่า เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 2561 นายณฐกร จำเลยที่ 1 และด.ต.จำเลยที่ 3 ได้ให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้เงินหรือทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ นายสุระศักดิ์ หัสจรรย์ ซึ่งจะทำหน้าที่ตัดสินการแข่งขันกีฬาฟุตบอลอาชีพรายการไทยลีก 2 (T2) คู่ระหว่าง ทีมสโมสร ฟุตบอลสมุทรสาคร เอฟซี กับ ทีมสโมสรฟุตบอลระยอง เอฟซี ที่จะแข่งขันในวันที่ 21 เม.ย. 2561 เวลาประมาณ 19 .00 น.ที่ สนามกีฬากลางจ.สมุทรสาคร โดยจะมอบเงินจำนวนเท่าใดไม่ปรากฏชัด เพื่อจูงใจนายสุระศักดิ์ ให้ทำหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้อง เที่ยงธรรม โดยให้นายสุระศักดิ์ เข้าข้างหรือช่วยเหลือให้ทีมสโมสรฟุตบอลสมุทรสาคร เอฟซี ชนะทีมสโมสรฟุตบอลระยอง เอฟซี อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ต่อมา นายสุรศักดิ์ (ผู้ตัดสิน) ได้ตอบปฎิเสธและนำเรื่องมาแจ้งต่อสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และนำไปสู่การจับกุม ขณะที่ผลการแข่งขันเกมดังกล่าว ปรากฎว่าทีม ระยอง เอฟซี เอาชนะไปได้ 2-0
การกระทำของนายณฐกร จำเลยที่1 และ ด.ต.พงศ์พันธ์ จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้ใช้ให้ นายเทอดศักดิ์ จำเลยที่ 2 กระทำความผิด จึงต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการเช่นเดียวกับจำเลยที่ 2 ผู้ถูกใช้ในการกระทำผิด เหตุเกิดที่ต.นาป่า และต.คลองตำหรุ อ.เมืองจ.ชลบุรี ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ.2556 มาตรา 66 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84,91 ด้วย
ต่อมาศาลมีคำสั่งให้พนักงานคุมประพฤติ สืบเสาะ ประวัติ การศึกษา ประวัติครอบครัว และอื่นๆ ของจำเลยทั้งสาม แล้วส่งให้ศาลใช้ประกอบการพิจารณาเพื่อมีคำพิพากษา
โดยวันนี้พนักงานอัยการโจทก์ และจำเลยที่ 1-3 พร้อมทนายความมาศาล
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสามกระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษาว่า นายณฐกร จำเลยที่ 1 และ นายเทอดศักดิ์ จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556 มาตรา 66 ส่วนด.ต.หรือพงศ์พันธ์ จำเลยที่ 3 มีความผิดตามพ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556 มาตรา 66 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 84 จำคุกจำเลยทั้งสามคนละ 1 ปี และปรับคนละ 200,000 บาท จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยไว้คนละ 6 เดือน ปรับคนละ 100,000 บาท
อย่างไรก็ตามพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบรายงานการสืบเสาะและพินิจแล้ว นิสัยและความประพฤติโดยทั่วไปของจำเลยทั้งสามไม่ปรากฏข้อเสียหายร้ายแรง เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรให้โอกาสจำเลยทั้งสามกลับตัวเป็นพลเมืองดีสักครั้ง โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 2 ปี และให้คุมความประพฤติโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง ภายในกำหนด 1 ปี และให้ทำกิจกรรมบริการสังคม หรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30