MGR Online - รอง ผบ.ตร.เผยผลการตั้งด่านตรวจรถควันดำ 20 จุดทั่ว กทม. แก้ปัญหา PM 2.5 พุ่ง เผย สถิติครึ่งเดือนแรกปี 65 จับแล้ว 2,401 คัน รถบรรทุก-รถสาธารณะโทษปรับสูง 5 หมื่นบาท
วันนี้ (18 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาต (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เนื่องจากปัจจุบันสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ (PM 2.5) มีค่าสูงเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่กทม. ซึ่งในส่วนงานจราจร ศจร.ตร. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยเพิ่มมาตรการตรวจจับรถที่มีค่าควันดำเกินมาตรฐาน โดยประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก กรมควบคุมมลพิษกรุงเทพมหานคร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพื้นที่ เพื่อตั้งจุดตรวจรถควันดำ ทั้งรถบรรทุก รถสาธารณะ และรถกระบะส่วนบุคคล
ด้าน พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า สำหรับในเขตพื้นที่ กทม. นั้นมีการตั้งจุดตรวจ จำนวน 20 จุด แบ่งเป็น จุดตรวจตั้งถาวร จำนวน 15 จุด และจุดตรวจแบบเคลื่อนที่ (Mobile) จำนวน 5 จุด โดยสถิติที่ผ่านมาในปี 2564 มีการเรียกตรวจรถรถบรรทุกและรถสาธารณะ รวมจำนวน 125,974 คัน มีค่าควันดำเกินกำหนด 51,625 คัน รถกระบะส่วนบุคคล รวมจำนวน 127,141 คัน มีค่าควันดำเกินกำหนด 52,176 คัน รวมมีรถควันดำเกินกำหนดทั้งสิ้น 103,802 คัน ออกคำสั่งห้ามใช้รถรวมทั้งสิ้น จำนวน 4,689 คัน และในปีนี้เฉพาะในช่วงวันที่ 1-15 ม.ค. 65 มีการเรียกตรวจรถบรรทุกและรถสาธารณะรวมจำนวน 3,748 คัน มีค่าควันดำเกินกำหนด 1,482 คัน รถกระบะส่วนบุคคล รวมจำนวน 4,667 คัน มีค่าควันดำเกินกำหนด 919 คัน รวมมีรถควันดำเกินกำหนด 2,401 คัน ออกคำสั่งห้ามใช้รถรวมทั้งสิ้น จำนวน 88 คัน
พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมา บช.น. ได้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจจับรถที่มีค่าควันดำ โดยหากเป็นรถบรรทุกหรือรถสาธารณะจะมีโทษปรับสูงสุดถึง 50,000 บาท (ตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก) ส่วนรถส่วนบุคคล จะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000 บาท (ตามกฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก) และจะถูกออกคำสั่งห้ามใช้รถตามกฎหมายทั้งห้ามใช้ชั่วคราวและห้ามใช้เด็ดขาด
“ในส่วนของมาตรการการดำเนินคดีกับรถจักรยานยนต์นั้นในช่วงวันที่ 15 พ.ย. 64 ถึง 16 ม.ค. 65 มีผลการจับกุมข้อหา ขับรถย้อนศร รวม 53,403 ราย ขับรถฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร 27,466 ราย ขับรถรถจักรยานยนต์บนทางเท้า 7,293 ราย ขับรถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียว 2,284 ราย และดำเนินคดีข้อหาขับรถโดยไม่คำนึ่งถึงความปลอดภัยเป็นจำนวน 70 ราย รวมผลการดำเนินการทั้ง 4 ข้อหา จับกุมรวมทั้งสิ้น 90,446 ราย แบ่งเป็น รถจักรยานยนต์ทั่วไป 74,832 ราย รถจักรยานยนต์ดีลิเวอรี่ 10,869 ราย และรถจักรยานยนต์สาธารณะ 4,718 ราย” รอง ผบช.น.ระบุ