รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 11 ม.ค.65 นำเสนอรายงานพิเศษ แกะรอย “เรือผี” ลึกลับ เจอ ขยะ-เศษอาหาร เบาะแสล่าเจ้าของเรือ .
เมื่อวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา มีการพบ “เรือปริศนา” ชื่อว่าเรือ Fin Shui Yuan 2 ที่ลอยตามกระแสน้ำเข้ามาบริเวณพื้นที่รับผิดชอบของ ศูนย์อํานวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ภาค 2
ห่างจากฝั่ง จ.นครศรีธรรมราช ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 142 กิโลเมตร โดยได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่แท่นผลิตไพลินเหนือ ของบริษัท เชฟรอน ขณะที่เรือดังกล่าวกําลังลอยตามกระแสน้ำและลมเข้ามาใกล้พื้นที่ปลอดภัยของแทนขุดเจาะตรวจสอบ
จากนั้น ศรชล.ภาค 2 ได้สั่งการให้ทัพเรือภาคที่ 2 จัดกําลังทางเรือและอากาศยานไร้คนขับ เข้าปฏิบัติการตรวจสอบ พบว่าไม่มีลูกเรืออยู่บนเรือ พร้อมตรวจสอบข้อมูลของเรือผ่านระบบ Sea vision และระบบ MISC พบว่าไม่มีข้อมูลเรือลำดังกล่าว
รวมทั้งตรวจสอบสัญญาณ AIS ย้อนหลังไป 90 วัน ไม่พบว่ามีการส่งสัญญาณ อุปกรณ์เดินเรือทั้งหมดบนสะพานไม่สามารถใช้งานได้ มีเพียงไฟแบตเตอรี่ทํางานได้ ทําให้ไฟยอดเสายังติดอยู่
ส่วนห้องเครื่องจักรใหญ่และเครื่องไฟฟ้าถูกน้ำท่วมขังทั้งหมด รวมทั้งยังคงมีน้ำเข้าบริเวณระวางห้องเครื่องจักรใหญ่ต่อเนื่อง และมีกลิ่นน้ำมันเชื้อเพลิงกระจายทั่วไป โดยคราบน้ำมันดังกล่าวมีลักษณะเจือจางไม่มีแผ่นหนามาก เมื่อเจอคลื่นลมน้ำมันจะแตกตัวและเมื่อเจอความร้อนของแดด น้ำมันก็จะระเหยไปเองตามธรรมชาติ
จากนั้นระหว่างวันที่ 7 - 8 มกราคม ศรชล.ภาค 2 ได้แจ้งให้ทัพเรือภาคที่ 2 จัด เรือหลวงตาปี และ หลีเป๊ะ เข้าเฝ้าพื้นที่และดำเนินการกู้ซ่อมเบื้องต้น เพื่อจะทำการตรวจสอบเพิ่มเติม แต่เนื่องจากสภาพคลื่นลมแรง และมีน้ำเข้าตัวเรือต่อเนื่อง ทำให้เรือจมลง
จึงแจ้งให้ กรมเจ้าท่า โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 พล็อตตำแหน่งเรือและติดตามสถานการณ์ ออกประกาศชาวเรือให้ระมัดระวังในการเดินเรือ เตรียมการเก็บกู้เรือให้ปลอดภัย พร้อมประสานประเทศเจ้าของเรือ
และดำเนินการ พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย หากเกินกำหนดระยะเวลา 15 วัน ยังไม่มีเจ้าของเรือมาแสดงตัวและกู้เรือ กรมเจ้าท่าจะพิจารณากู้เรือ และแจ้งให้ ศรชล.(อ่านว่า ศร ชล)ภาค 2 ร่วมกับ สำนักสืบสวนและสอบสวนกลาง ศรชล. ร่วมกับ ตำรวจน้ำ จัดตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนที่มาที่ไปของเรือ
จากการสำรวจเบื้องต้น โดยมนุษย์กบของศูนย์สงครามพิเศษทางเรือ ที่ดำน้ำลงไป 30 เมตร ในจุดที่เรือจม โดยได้ทำการผูกทุ่นลอยผิวน้ำ พบระยะห่างจากผิวน้ำกับเรือ 18 เมตร ห่างจากชายฝั่ง อ.สิชล ประมาณ 50 กิโลเมตร อย่างไรก็ตามทาง ศรชล. เชื่อว่าอาจไม่มีใครมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ เพราะต้องชดเชยเงินในการกู้เรือเป็นหลักล้านบาท
ทั้งนี้ กองทัพเรือจะประสานประเทศสิงคโปร์และสหรัฐฯ ตามกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อตรวจสอบว่า เรือมาจากไหนและตรวจสอบย้อนหลังว่ามีเรือลำนี้ในระบบหรือไม่ ทำผิดกฎหมายเรื่องใดหรือไม่ ซึ่งพบว่าเป็นเรือขนส่งสินค้า ไม่ใช่เรือน้ำมัน ไม่ใช่เรือประมง
แต่ “ข้อมูลสำคัญ” อยู่ที่ “เศษอาหารและเศษขยะ” ที่พบบนเรือ เพราะแสดงว่ามี “ความเคลื่อนไหว” เกิดขึ้นบนเรือลำดังกล่าวก่อนหน้านี้
นอกจากนี้มีรายงานว่า มีการคาดการณ์เบื้องต้นว่าเรือลำดังกล่าวอาจมาจากประเทศเพื่อนบ้านที่เชื่อมต่อกับอ่าวไทย ซึ่งที่ผ่านมาพื้นที่อ่าวไทยมักมีเรือประมงของประเทศเพื่อนบ้านที่รุกล้ำน่านน้ำไทยเข้ามาเป็นประจำ อีกทั้งเคยเกิดเหตุการณ์เรือรุกล้ำน่านน้ำไทย พุ่งชนเรือทหารมาแล้วด้วย
ดังนั้นในกรณีนี้แม้จะเป็น “เรือปริศนา” หรือที่เรียกกันว่า “เรือผี” แต่กลับเป็นงานใหญ่ของ ศรชล. ที่ดูแลน่านน้ำไทย ต้องพิสูจน์ที่มาเรือให้ได้ เพื่อขยายผลเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆต่อไป