xs
xsm
sm
md
lg

วันสุดท้าย 7 วันอันตราย “คุมประพฤติ” เมาขับพุ่ง 2,668 คดี “ชัยภูมิ” ครองแชมป์ 459 คดี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



MGR Online - อธิบดีกรมคุมประพฤติ รายงาน 7 วันอันตรายปีใหม่ 65 คดีเมาขับพุ่งกระฉูดร้อยละ 90 ยอดสะสม 7,868 คดี ติด EM 17 ราย จ.ชัยภูมิ มากสุด 459 คดี

วันนี้ (5 ม.ค.) นายวิตถวัลย์ สุนทรขจิต อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยว่า สถิติคดีที่ศาลสั่งคุมความประพฤติวันที่เจ็ดของ 7 วันอันตราย (4 ม.ค.) มีจำนวนทั้งสิ้น 2,936 คดี จำแนกเป็น คดีขับรถในขณะเมาสุรา 2,668 คดี คิดเป็นร้อยละ 90.87 ติด EM 7 ราย คดีขับรถประมาท 3 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.1 และคดีขับเสพ 265 คดี คิดเป็นร้อยละ 9.03 สำหรับช่วง 7 วันอันตรายปี 2565 ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 64 - 4 ม.ค. 65 มียอดคดีสะสมทั้งสิ้น 8,703 คดี จำแนกเป็น ขับรถในขณะเมาสุรา 7,868 คดี คิดเป็นร้อยละ 90.41 ติด EM 17 ราย, ขับรถประมาท 14 คดี คิดเป็นร้อยละ 0.16 ติด EM 1 ราย และขับเสพ 821 คดี คิดเป็นร้อยละ 9.43

นายวิตถวัลย์ เผยว่า ส่วนจังหวัดที่มีคดีขับรถในขณะเมาสุราสูงสุด 3 อันดับ ได้แก่ ชัยภูมิ 459 คดี ร้อยเอ็ด 442 คดี และ สกลนคร 440 คดี เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีที่เข้าสู่ระบบงานคุมประพฤติ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ. 2564 พบว่า คดีขับรถในขณะเมาสุรา มีจำนวนเพิ่มขึ้น 3,433 คดี คิดเป็นร้อยละ 43.63 สำหรับการติดอุปกรณ์ EM ในช่วง 7 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด มีจำนวนทั้งสิ้น 18 ราย ส่วนใหญ่ศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามออกจากที่อยู่อาศัย ในช่วงเวลา 22.00-04.00 น. เป็นระยะเวลา 15 วัน ทั้งนี้ สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศเฝ้าติดตามและควบคุมดูแลผู้กระทำผิดตลอด 24 ชั่วโมงผ่านศูนย์ควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัว

นายวิตถวัลย์ เผยอีกว่า ในช่วง 7 วันที่มีการควบคุมเข้มงวด สำนักงานคุมประพฤติทั่วประเทศ ได้ร่วมสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการให้บริการประชาชนตามสถานที่ต่างๆ โดยให้บริการประชาชนที่จุดบริการประชาชน พร้อมทั้งจัดให้มีการทำงานบริการสังคมโดยการตรวจเยี่ยม แจกน้ำดื่ม ผ้าเย็น เครื่องดื่ม ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย อำนวยความสะดวกจราจร ตรวจเยี่ยมด่าน ณ ด่านชุมชน และด่านตรวจค้น รวมทั้งสิ้นจำนวน 387 จุด ผู้เข้าร่วมกิจกรรมประกอบด้วย อาสาสมัครคุมประพฤติ เครือข่ายยุติธรรมชุมชน ผู้ถูกคุมความประพฤติ และภาคีเครือข่ายในพื้นที่ จำนวนทั้งสิ้น 7,167 คน

นายวิตถวัลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้กระทำผิดที่เข้าสู่กระบวนการคุมความประพฤติในฐานความผิดขับรถในขณะเมาสุราทุกราย จะต้องผ่านการคัดกรองแบบประเมินการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หากพบว่า มีความเสี่ยงสูงในการติดสุรา กรมคุมประพฤติจะส่งเข้ารับการบำบัดรักษา ณ สถานพยาบาล สำหรับผู้กระทำผิดที่มีความเสี่ยงต่อการกระทำผิดซ้ำ หรือมีประวัติการกระทำผิดซ้ำ ต้องเข้ารับการแก้ไขฟื้นฟูแบบเข้มข้นในรูปแบบค่ายปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นระยะเวลา 3 วันต่อเนื่อง และยังคงต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการคุมความประพฤติ อาทิ รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ และทำงานบริการสังคม ที่ให้ตระหนักถึงผลกระทบที่เกิดจากการเมาแล้วขับ เช่น การดูแลเหยื่ออุบัติเหตุ การปรับภูมิทัศน์ถนนสายหลัก สายรอง บริเวณจุดเสี่ยง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

“โดยปีที่ผ่านมาผลจากโครงการ “บำบัดฟื้นฟูสภาพผู้ดื่มแล้วขับ ถูกจับผิดซ้ำ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2564” มีผู้เข้ารับการบำบัดในสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จำนวน 28 ราย ผลการบำบัดพบว่า ผู้ถูกคุมความประพฤติเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดื่มสุรา คือ ลดปริมาณการดื่มและลดจำนวนวันที่ดื่ม จำนวน 10 ราย ดื่มปริมาณเท่าเดิม จำนวน 11 ราย ดื่มสุราปริมาณลดลง จำนวน 5 ราย และหยุด เลิกดื่มสุรา จำนวน 2 ราย” อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าว

นายวิตถวัลย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า กรมคุมประพฤติให้ความสำคัญกับการบังคับใช้กฎหมาย พร้อมบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในสังคม ร่วมกันดูแลผู้กระทำผิด โดยการทำงานร่วมกับอาสาสมัครคุมประพฤติในพื้นที่ การสนับสนุนให้มีการจัดตั้ง “ศูนย์คุมประพฤติภาคประชาชน” เน้นในการให้เป็นศูนย์การดูแล รับรายงานตัว แก้ไขฟื้นฟู และการมีกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ที่มีภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนสนับสนุนการคุมประพฤติ โดยมุ่งเน้นผู้กระทำผิดในพื้นที่เป็นหลัก คาดว่า ในปีงบประมาณ 2565 จะมีการตั้งศูนย์คุมประพฤติภาคประชาชนครบทุกจังหวัด






กำลังโหลดความคิดเห็น