MGR Online - ผบก.เพชรบุรี ประชุมสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจฯ นัดพิเศษ แก้หนี้ตำรวจที่มีปัญหาวิกฤต เร่งช่วยลูกน้องเข้าข่ายถูกฟ้องล้มละลาย 11 ราย เผยข่าวดี อนุมัติรีไฟแนนซ์แล้ว 3 ราย เหลืออีก 8 เข้าบอร์ดแบงก์ออมสิน 27 ธ.ค.นี้
วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี พล.ต.ต.อุทัย กวินเดชาธร ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี เป็นการประชุมคณะกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจเพชรบุรี นัดพิเศษเพื่อแก้ไขหนี้สินตำรวจที่มีปัญหาวิกฤติทางการเงิน ตามนโยบาย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ภายหลังมีข้าราชการตำรวจเป็นลูกหนี้ผิดนัด และได้ถูกธนาคารออมสินฟ้อง
พล.ต.ต.อุทัย กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุมได้อนุมัติให้รีไฟแนนซ์ลูกหนี้ 3 ราย โดยให้มาเป็นลูกหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจฯ ที่เดียว ให้ดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราพิเศษ 3.5% เพื่อให้สามารถผ่อนสหกรณ์ได้แล้วยังมีเงินเหลือใช้ไม่ต่ำกว่า 4,500 บาท ยังเหลืออีก 8 ราย จะเข้าบอร์ดธนาคารออมสินวันที่ 27 ธ.ค. นี้ โดยหวังว่าจะผ่านหมด เพื่อนำมาเข้าคณะกรรมการสหกรณ์ฯ พิจารณาอนุมัติให้รีไฟแนนซ์ พร้อมคิดดอกเบี้ยเงินกู้อัตราพิเศษเป็นการเฉพาะราย ให้ตำรวจมีปัญหาทางการเงินทั้ง 11 ราย สามารถรอดพ้นจากการถูกฟ้องร้องบังคับคดีเป็นบุคคลล้มละลาย ต้องถูกออกจากราชการเดือดร้อนทั้งครอบครัวและเพื่อนที่ค้ำประกัน
พล.ต.ต.อุทัย กล่าวด้วยว่า กรณีดังกล่าวนี้ ทาง พล.ต.อ.สุวัฒน์ ผบ.ตร. ได้เคยวางแนวนโยบายให้ดำเนินแก้ไขปัญหาหนี้สินตำรวจและลูกจ้างประจำ ต้องการมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2565 โดย ตร.ได้เคยมีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) กับสถาบันทางการเงินต่างๆ ว่าด้วยความร่วมมือในโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สิน เพื่อให้การช่วยเหลือข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำฯ ที่มีปัญหาในการชำระหนี้ ให้สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติ และป้องกันการมีภาระหนี้สินจนเกินกำลังความสามารถในการชำระ จึงกำชับให้ทุกหน่วยงานดำเนินการ ดังนี้
1. ดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการตำรวจและลูกจ้างประจำในสังกัด สำหรับผู้ที่มีหนี้วิกฤต หรือมีปัญหาในการชำระหนี้ โดยให้พิจารณาเชิญเจ้าหนี้ทุกรายร่วมเจรจาตกลงแก้ไขปัญหาการชำระหนี้ ของลูกหนี้แต่ละราย พร้อมทั้งขอความร่วมมือสหกรณ์ออมทรัพย์ของหน่วยงานที่ลูกหนี้เป็นสมาชิก เข้าร่วมเจรจาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหา โดยให้พิจารณาช่วยเหลือกลุ่มผู้ที่ถูกฟ้องร้องเป็นลำดับแรก
2. สำรวจผู้มีหนี้วิกฤตหรือมีปัญหาในการชำระหนี้ เพื่อเข้าร่วมโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สิน
3. กำชับเจ้าหน้าที่การเงินของหน่วยงานออกหนังสือรับรองเงินเดือน ให้ถูกต้องครบถ้วนตรงตามความเป็นจริง ในการใช้เป็นหลักฐานประกอบการพิจารณาของผู้กู้
4. ผู้บังคับบัญชาที่ให้การรับรองการกู้ของข้าราชการตำรวจ ให้พิจารณาด้วยความรอบคอบ และคำนึงถึงศักยภาพในการชำระหนี้เป็นข้อมูลประกอบการรับรองด้วย เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาการชำระหนี้ในอนาคต
5. หน่วยงานต้นสังกัด ดำเนินการหักเงินเดือน หรือเงินบำเหน็จบำนาญ ของผู้เข้าร่วมโครงการ (ผู้เข้าร่วมโครงการได้ทำหนังสือยินยอมให้หักเงินเดือน หรือเงินบำเหน็จบำนาญไว้) นำส่งให้ธนาคาร รวมทั้งจัดส่งข้อมูลผู้เข้าร่วมโครงการ ให้กับธนาคาร กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงหน่วยงานต้นสังกัดของผู้กู้ เนื่องจากผู้กู้ย้ายงานต้นสังกัด หรือลาออก โดยได้รับเงินเดือนหรือเงินได้อื่นใดจากทางราชการ ซึ่งหน่วยงานต้นสังกัดต้องให้ผู้กู้เป็นงวด หรือเกษียณอายุโดยได้รับบำนาญ จะต้องแจ้งการย้ายหรือลาออกหรือเกษียณอายุราชการของผู้กู้ รวมทั้งหน่วยงานต้นสังกัดใหม่ให้กับสถาบันการเงินเจ้าของบัญชีกู้เดิมทราบ พร้อมทั้งกับแจ้งให้ผู้กู้ไปชำระเองที่สาขาของธนาคารจนกว่า ตร. หรือหน่วยงานต้นสังกัดใหม่ จะหักเงินให้สาขาของธนาคารได้ และให้สาขาของธนาคาร ซึ่งเป็นเจ้าของบัญชีเงินกู้เดิมประสานกับสาขาใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลง แล้วทำการโอนย้ายบัญชีไปสาขาใหม่ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อเรียกเก็บเงินชำระหนี้ต่อไป
6. ส่งเสริมและสนับสนุนแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินของผู้เข้าร่วมโครงการ ตามหลักเกณฑ์ของธนาคาร และกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องตามโครงการ และกำกับ ดูแลให้บรรลุเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ของโครงการอย่างเต็มที่
7. กำกับ ควบคุม ดูแล ไม่ให้ผู้เข้าร่วมโครงการ ไปก่อหนี้เพิ่มจนทำให้มีผลกระทบต่อการชำระหนี้งวดตามโครงการ และส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมโครงการ รู้จักประหยัด อดออม และมีวินัยทางการเงิน