ศาลเลื่อนอ่านฎีกาคดี “ธาริต เพ็งดิษฐ์” อดีตอธิบดีดีเอสไอ-เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีแจ้งข้อหา “อภิสิทธิ์- สุเทพ” สั่งฆ่าประชาชน กระชับพื้นที่ม็อบ นปช.ป่วนเมือง เนื่องจากย้ายบ้านไปอยู่ปากช่อง ทำให้ส่งหมายไม่ได้ ศาลนัดอ่านฎีกาอีกครั้ง 10 ก.พ. ปีหน้า
เมื่อเวลา 09.30 น.วันนี้ (16 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณา 701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ ฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 200 วรรคสอง
กรณีเมื่อระหว่างเดือน ก.ค. 2554 - 13 ธ.ค. 2555 จำเลยทั้งสี่ในฐานะพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้สอบสวนและตั้งข้อหากับโจทก์ทั้งสอง ฐานสั่งฆ่าประชาชน ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษ จากการที่ ศอฉ.ออกคำสั่งให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ที่ชุมนุมขับไล่นายอภิสิทธิ์ ให้ออกจากตำแหน่งนายกฯ จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา ยกฟ้องจำเลยทั้งสี่
โจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลลงโทษพวกจำเลยด้วย
ต่อมาศาลอุทธรณ์ เห็นว่า พวกจำเลยกระทำผิดจริงจึงพิพากษากลับ ให้จำคุกจำเลยทั้งสี่ คนละ 3 ปี แต่ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา
จำเลยทั้งสี่ ยื่นฎีกา
โดยวันนี้ พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 2-4 มาศาล
อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลานายประกันของจำเลยทั้งสี่ ยื่นคำร้องต่อศาล ว่า เพิ่งได้รับแจ้งว่า นายธาริต จำเลยที่ 1 ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงไม่สามารถนำตัวจำเลยที่ 1 มาส่งศาลได้ ขอเลื่อนคดีสักนัดหนึ่ง
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ยังส่งหมายนัดให้ นายธาริต จำเลยที่ 1 ไม่ได้ ประกอบกับนายประกันแจ้งว่า จำเลยที่ 1 ย้ายที่อยู่ หากการส่งหมายไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมาย และประกาศแจ้งวันนัดให้จำเลยที่ 1 ทราบทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์อีกทางหนึ่ง จึงให้เลื่อนนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาเป็นวันที่ 10 ก.พ. 2565 เวลา 09.00 น.
ภายหลัง นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความโจทก์ ให้สัมภาษณ์ว่า นัดฟังคำสั่งศาลฎีกาคดีที่ฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอกับพวกรวม 4 คน กรณีที่แจ้งข้อหาว่าฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล จากการชุมนุมทางการเมืองเมื่อ ปี 2553 ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง แล้วศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่าการที่จำเลยทั้งสี่ เรียกนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์มาแจ้งข้อกล่าวหา มีลักษณะเป็นการกลั่นแกล้งให้ต้องรับโทษ ประกอบกับดีเอสไอไม่มีอำนาจในการสอบสวนเรื่องนี้ เพราะว่าญาติผู้ตายและผู้บาดเจ็บร้องทุกข์กล่าวโทษมายังดีเอสไอ แต่ทางดีเอสไอพิจารณาแล้วเห็นว่าการสอบสวนและการไต่สวนหาความจริงอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. เพราะว่าทั้งสองเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ มีเพียงจำเลยที่ 2, 3, 4 มาฟังคำพิพากษา แต่ นายธาริต จำเลยที่ 1 ไม่มาศาล เนื่องจากศาลส่งหมายไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษซึ่งเป็นนายประกันจำเลย 1 แล้วแถลงต่อศาลว่า นายธาริต ได้ย้ายภูมิลำเนาไปอยู่ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ดังนั้น ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าเมื่อนายประกันขอเลื่อนการส่งตัวจำเลยที่ 1 จึงให้เลื่อนไปอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาอีกครั้งในนัดหน้า