รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 15 ธ.ค.64 นำเสนอรายงานพิเศษ ร้านทองเยาวราช ฟอกเงินยาเสพติด
เครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติของ “หนูเฉิน” นอกจากมีระบบการลำเลียงยาเสพติดข้ามแดน มาถึงปลายทางที่ตลาดไท รังสิต อย่างมีประสิทธิภาพ แต่แค่นั้นยังไม่ครบวงจรของการค้ายา
เพราะยังมีขั้นตอนการชำระเงินค่ายาเสพติดและการฟอกเงิน ที่กระทำอย่างซับซ้อน ไม่ใช่แค่การหิ้วกระเป๋าเงินมาส่งให้กันแบบในหนังแอคชั่น
จากการสอบสวนขยายผลของหน่วยปราบยาเสพติด ได้ข้อมูลที่น่าตื่นตะลึง เมื่อพบช่วงหลังๆ มานี้ การฟอกเงินค้ายาเสพติด จะดำเนินการผ่านร้านทองใหญ่แห่งหนึ่งย่านเยาวราช
ผู้ต้องหารายหนึ่งที่จนมุมเมื่อปีก่อน ชื่อ นายบัวจันทร์ ให้การรับสารภาพว่า รับจ้างโอนเงินค่ายาเข้าบัญชีร้านทองในเยาวราชดังกล่าว ผ่านตู้เอทีเอ็ม ครั้งละ 99,880บาท จำนวนหลายครั้ง จนครบยอดค่ายาเสพติด
โดยบัญชีที่รับโอนเงินจากนายบัวจันทร์ ร้านทองแสบจะไม่ใช้บัญชีนิติบุคคลของร้าน ตามปกติการค้าทั่วไป แต่จะให้โอนเข้าบัญชีส่วนตัวของพนักงานร้านแทน และมีการเปิดบัญชีไว้รองรับจำนวนมาก
ทางร้านทองก็ไม่สามารถตอบคำถามสำคัญ ในเมื่อนายบัวจันทร์ไม่ได้มีหนี้สินอะไรกับคนของร้าน แล้วทำไมต้องโอนเงินให้จำนวนมากเช่นนั้น
จากการจับกุมดำเนินคดีร้านทองดังกล่าว โทษฐานฟอกเงิน ก็ให้การอ้างว่า ได้ขายทองคำจำนวนมากให้ชาวอินเดียกลุ่มหนึ่งไป แล้วก็รับโอนค่าทองเข้ามา
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบพิรุธสำคัญ ร้านทองไม่เคยทำบันทึกหลักฐานการซื้อขาย หรือหลักฐานบุคคลที่เป็นมาซื้อทองของร้านตัวเองไว้เลย
เชื่อว่าการกระทำดังกล่าว เพื่อเปิดช่องให้ร้าน สามารถรับเงินจากแก๊งค้ายาได้ โดยยากแก่การตรวจสอบ
นอกจากร้านทองดังกล่าว ยังมีร้านทองที่เคยตกเป็นข่าวฉาวโฉ่มาแล้วเมื่อปี 2563 คือร้านทองชมพู (บ้วนหลี) ซึ่งมีสาขาในหลายจังหวัด
กองปราบฯ จับกุมดำเนินคดีข้อหาฟอกเงินกับร้านทองชมพู (บ้วนหลี) เนื่องจากตรวจพบธุรกรรมทางการเงินอันผิดปกติอย่างแรง
โดยผลประกอบการของร้านดังกล่าว ปี 2558 มีรายได้ 41 ล้านบาท พอปี 2559 มีรายได้เพิ่มเป็น 344 ล้านบาท ปี 2560 รายได้พุ่งพรวดเป็น 2,338 ล้านบาท และปี 2561 รายได้กระฉูดถึง 3,008 ล้านบาท
เหตุที่รายได้พุ่งพรวดขนาดนั้น เพราะร้านทองชมพู (บ้วนหลี) รับฟอกเงินให้แก๊งยาเสพติด โดยในทางสืบสวนทราบว่า ร้านทองได้ส่วนแบ่งจากการฟอกเงิน 10 เปอร์เซนต์เป็นอย่างต่ำ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสืบพบบริษัทซื้อขายทองล่วงหน้าแห่งหนึ่ง ก็รับฟอกเงินยาเสพติดด้วย
ล่าสุด ป.ป.ง. มีคำสั่งธุรกรรม ลงวันที่ 9 พ.ย. 2564 ให้ยึดทรัพย์เครือข่ายร้านทองที่รับฟอกเงินยาเสพติด ตามที่ศูนย์ปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ดำเนินคดีกับร้านทอง บริษัท ใช้โกลด์ บูลเลียน จำกัด และบริษัท ชมพู (บ้วนหลี) จำกัด
เป็นเอกสารหลักฐานที่ชัดเจน ถึงพฤติกรรมการฟอกเงิน ที่เป็นการร่วมมือระหว่างร้านทองกับแก๊งยาเสพติด
ตามหนังสือคำสั่งของ ป.ป.ง.ดังกล่าว ระบุว่า การสืบสวนพบขบวนการร้านทองฟอกเงินดังกล่าว มีมาตั้งแต่ปี 2562 ใน 7 จังหวัดในภาคใต้ ได้แก่ สุราษฎร์ธานี ชุมพร ภูเก็ต กระบี่ พังงา ระนอง นครศรีธรรมราช โดยร้านทองดังกล่าว รับโอนเงินจากแก๊งค้ายามากกว่า 10 ครั้ง ครั้งละหลักแสนถึงล้านบาท
โดยปี 2563 ป.ป.ง. มีคำสั่งยึดทรัพย์ บริษัท ใช้โกลด์ บูลเลียน จำกัด กรณีนายสมคิด ทองเกื้อ กับพวก รวม 20 ราย และปี 2564 ยึดทรัพย์กลุ่มเดียวกันนี้อีก 1 รายการ
อย่างไรก็ตาม การยึดทรัพย์ดังกล่าวเหล่านี้ เป็นแค่ในหน้ากระดาษ เนื่องจากเครือข่ายยาเสพติดและฟอกเงิน ได้มีการยักย้าย ปกปิด ซ่อนเร้น ทรัพย์สินไปหมดแล้ว
คำสั่งลงวันที่ 9 พ.ย. 2564 ที่เพิ่งออกมาล่าสุด จึงตามไปยึดทรัพย์ที่ดิน น.ส. 3 ก. เนื้อที่กว่า 4 ไร่ ที่อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ราคากว่า 1.1 ล้านบาท ซึ่งมีชื่อนางธัญยดา ขันนุ้ย เป็นผู้ครอบครอง เนื่องจากสอบสวนแล้ว เชื่อว่านางธัญยดาได้รับที่ดินมาจากเครือข่ายบริษัท ใช้โกลด์ บูลเลียน อีกที
จากเรื่องราวทั้งหมดที่ว่ามา ในเมื่อหน่วยปราบปรามยาเสพติด รู้ถึงสายสนกลในหมดแล้ว ร้านทองที่คิดจะหากินกับแก๊งยา อย่าคิดว่าจะลอยนวลไปได้