รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 13 ธ.ค.64 นำเสนอรายงานพิเศษ เสี่ยเปี๋ยง โคตรโกง ใช้อะไรฟาด!? อีก 2 ปีพ้นคุก
บรรดานักโทษคดีทุจริต ที่ตอนนี้กำลังแสดง “กำลังภายใน” ดาหน้าเย้ยสังคม แต่ละคนได้รับการจัดโปร ลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลล์ จากกรมราชทัณฑ์
ยัดไส้ชื่อให้ได้รับพระราชทานอภัยโทษถึง 2 รอบ ในปี 2564 ส่งผลให้เห็นแสงรำไรกันเป็นแถว จะได้พ้นจากคุกในไม่ช้านี้
โดยคนที่แสดงปาฏิหาริย์เหนือใคร ก็ต้องยกให้ เสี่ยเปี๋ยง นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ปัจจุบันอายุ 64 ปี ผู้ต้องขังคดีทุจริตจำนำข้าว “จีทูจีเก๊”
เสี่ยเปี๋ยงโดนตัดสินคดีถึงที่สุดช้ากว่าใคร คือในปี 2561 และเจอโทษหนักกว่าใครหลายๆ คน ที่ร่วมขบวนเดียวกัน โดยศาลจำคุกเสี่ยเปี๋ยงถึง 48 ปี
ไปๆมาๆ เสี่ยเปี๋ยง จะเป็นคนแรกที่ได้รับอิสรภาพ มีกำหนดวันพ้นโทษออกมาแน่ชัดแล้วว่าตรงกับวันที่ 26 ธ.ค. 2566 หรือจะถูกจำคุกจริงแค่ 6 ปี 3 เดือน 26 วัน
จาก 48 ปี ติดจริงแค่ 6 ปีเศษ ช่างเป็นการเปิดตัวแรงของกรมราชทัณฑ์ ให้เห็นว่าตัวเองมีอำนาจล้นฟ้าขนาดไหน ไม่คำนึงถึงความเหมาะสมใดๆ
ยิ่งคนทุจริตได้รับโทษแบบผิดปกติมากเท่าใด ก็ยิ่งเป็นเบาะแสว่ากำลังมีการทุจริตในหมู่นักการเมืองผู้มีอำนาจ และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง
คดีอันมีความซับซ้อนอย่างจำนำข้าว ป.ป.ช.ต้องทุ่มความพยายามขนาดไหนถึงจะตามล่าหาหลักฐานลากคอคนกระทำผิด
โดยเฉพาะศาล ต้องพิเคราะห์พยานหลักฐานเป็นกองพะเนิน กว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมา เป็นโทษสถานหนักจำคุกถึง 48 ปี
ขณะที่ ป.ป.ง.เอง ก็ดำเนินการยึดทรัพย์ที่ได้มาโดยมิชอบของเสี่ยเปี๋ยง ลูกสาวเสี่ยเปี๋ยง รวมเกือบ 2 หมื่นล้านบาท
แล้วไม่ใช่มีแค่คดีจำนำข้าว เสี่ยเปี๋ยงยังตกเป็นจำเลยคดีทุจริตบ้านเอื้ออาทรด้วย ซึ่งก็ถูกตัดสินจำคุกถึง 50 ปีด้วย
คือถ้าเป็นตาสีตาสา อายุปูนนี้ ต้องติดคุกนานขนาดนี้ ก็ค่อนข้างแน่ว่าคงได้ตายในคุก
แต่คนที่มีบารมีทางการเมืองและทางการเงินอย่างเสี่ยเปี๋ยง กำแพงคุกอันแข็งแกร่ง กลับเหลวจนอ่อนยวบ เขาขอแค่อีก 2 ปี ก็จะได้ออกไปสูดกลิ่นอายอิสรภาพ
หรือถ้าปีหน้า ได้รับโปรโมชั่นซ้ำอีกจากกรมราชทัณฑ์ ก็อาจพ้นโทษได้ทันทีเลย ไม่ใช่เรื่องที่จะเป็นไปไม่ได้
จริงๆ แล้ว เสี่ยเปี๋ยงสำแดงอิทธิฤทธิ์มาตั้งแต่ถูกควบคุมตัว ในระหว่างการพิจารณาคดีด้วยซ้ำ
โดยช่วงนั้น เขาถูกส่งตัวไปอยู่เรือนจำกลางสมุทรปราการ แต่เอาเข้าจริง มีแค่ชื่อเท่านั้นที่ติดคุก ตัวกลับออกไปนอนที่โรงพยาบาลตำรวจแทน
เนื่องจากทางเรือนจำทำเรื่องให้ อ้างว่าเสี่ยเปี๋ยงป่วยหนักจนโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ไม่สามารถรักษาได้
เมื่อไปนอนเตียงโรงพยาบาลตำรวจ ก็สามารถใช้ชีวิตสุขสบาย ได้กินอาหารดีๆ ที่ไม่มีให้กินในคุก แล้วทางกรมราชทัณฑ์ยังต้องส่งผู้คุมมาอยู่โยงเฝ้าที่โรงพยาบาลตำรวจด้วย เสียทั้งกำลังคนและงบประมาณโดยใช่เหตุ
ระหว่างนอนโรงพยาบาลนั้นเอง ทางเรือนจำก็ไม่ส่งตัวเสี่ยเปี๋ยงไปขึ้นศาลถึง 2 นัด อ้างแต่สาเหตุป่วยลูกเดียว
ในที่สุด ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ต้องมีคำสั่งย้ายเสี่ยเปี๋ยงจากเรือนจำกลางสมุทรปราการ มายังเรือนจำลาดยาว ซึ่งเสี่ยเปี๋ยงก็อยู่ได้อย่างดี
พร้อมกันนั้น ก็มีคำสั่งเด้ง ผบ.เรือนจำกลางสมุทรปราการ ไปเข้ากรุ
อิทธิฤทธิ์ของเสี่ยเปี๋ยง เหนือกรมราชทัณฑ์ และกรมราชทัณฑ์ก็ทำตัวเหนือคำพิพากษาเหล่านี้ นำมาสู่ความเคลื่อนไหวจากองค์กรและบุคคลต่อต้านคอร์รัปชั่นทั้งหลาย
โดยพิรุธที่มีการเปิดโปงออกมา พบว่ารัฐบาลนั่นแหละเป็นตัวการเอง แก้ระเบียบ เปิดโอกาสให้คนต้องโทษคดีทุจริต ได้อยู่ในข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษ
จากเดิม จะไม่มีการลดโทษให้กับนักโทษคดีคอร์รัปชั่น
นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นความหวังขององค์กรต้านทุจริตทั้งหลาย พอโดนถามเรื่องนี้ ก็กลับตอบแบบอู้อี้ ไม่ได้แสดงมาดขึงขังใดๆ ออกมา
“เหล็กที่แข็ง เราง้างด้วยเงินอ่อนทันใด” คงเป็นสัจธรรมตามเพลงเขาว่า