โฆษก บช.น.เผย ตำรวจอยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบม็อบราษฎร 5 ราย รุมทำร้าย คฝ.สน.ทุ่งมหาเมฆ บาดเจ็บ หลังกลับจากคุมม็อบราชประสงค์ เร่งขอหมายจับดำเนินคดีข้อหา ม.296 ชี้ โทษหนักกว่าทำร้ายทั่วไป เล็งให้กำลังพลเดินเป็นกลุ่ม เพื่อความปลอดภัย
วันนี้ (13 ธ.ค.) เวลา 13.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (12 ธ.ค.) กลุ่มคณะราษฎรและแนวร่วม รวมตัวชุมนุม เวลา 15.00 น. ที่แยกราชประสงค์ ตั้งเวทีปราศรัยและปิดการจราจรถนนราชดำริ ส่งผลให้การจราจรติดขัดบริเวณโดยรอบ เวลา 21.00 น. ได้ประกาศยุติการชุมนุม อย่างไรก็ตาม ระหว่างชุมนุมมีการจุดพลุ ประทัด ที่แยกชิดลม ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำความผิดและติดตามจับกุม จากการปฏิบัติตามมาตรการเชิงรุกตั้งด่านตรวจความมั่นคง สกัดกั้นอาวุธและสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมด 12 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหา 9 ราย แบ่งเป็น มีด 6 ราย ยาเสพติด 1 ราย ประทัดปิงปอง 1 ราย และยิงพลุ 1 ราย นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี สน.ปทุมวัน และ สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนกรณีตำรวจยศ ส.ต.ต.สน.ทุ่งมหาเมฆ ปฏิบัติหน้าที่ชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) ถูกกลุ่มผู้ชุมนุมรุมทำร้ายร่ายกายได้รับบาดเจ็บ และรถจักรยานยนต์เสียหาย บริเวณใกล้แยกมิตรสัมพันธ์ ถนนเพชรบุรี ระหว่างเดินทางกลับจากการปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ที่แยกราชประสงค์ ก่อนนำตัวส่ง รพ.ตำรวจ พบว่าชายโครงด้านขวาฟกช้ำ มีบาดแผลเล็กน้อยตามร่างกาย ตอนนี้อาการดีขึ้นแล้ว หลักฐานที่ปรากฏในคลิปมีผู้กระทำผิด ประมาณ 5 ราย อยู่ระหว่างพิสูจน์ทราบขอศาลออกหมายจับ เบื้องต้นทราบตัวแล้ว 2 ราย เป็นผู้ชุมนุม ที่แยกราชประสงค์ ยังไม่พบหลักฐานว่าเป็นการติดตามมาเพื่อทำร้ายร่างกาย เบื้องต้นมีความผิดตามมาตรา 296 "ร่วมกันกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกาย มีโทษหนักกว่าทำร้ายร่างกายทั่วไป และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์" ยืนยันว่าตำรวจปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความสงบสุข
ทั้งนี้ หลังจากนี้ บช.น.จะมีการพิจารณาปรับมาตรการเพื่อดูแลความปลอดภัยของกำลังพล โดยให้ตำรวจเดินทางไปเป็นกลุ่ม ทั้งขากลับ หรือหลังเสร็จภารกิจ