รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 9 ธ.ค.64 นำเสนอรายงานพิเศษ ชีวิต “สมเด็จช่วง” บุญมีแต่กรรมบัง
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง ละสังขารแล้วเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2564 หลังจากอาพาธมานานหลายปี สิริอายุ 96 ปี
อดีตเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เคยได้รับมอบหมายภารกิจยิ่งใหญ่สุดในศาสนจักรไทย คือเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช หลังจากสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร วัดบวรนิเวศฯ สิ้นพระชนม์ เมื่อปี 2556 ด้วยความที่เป็นพระเถระ ผู้มีอาวุโสสูงสุดในบรรดากรรมการมหาเถรสมาคม จึงได้รับการคาดหมายจากชาวพุทธว่า สมเด็จช่วงจะได้ขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ค่อนข้างแน่
แต่แล้วก็เป็นดั่งสำนวนไทยโบราณที่ว่า “บุญมี แต่กรรมบัง”
สมเด็จช่วง โดนร้องเรียนเปิดแผล กรณีสะสมรถเบนซ์โบราณ 3 คัน ไว้ในวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นคดีพิเศษของดีเอสไอ ที่ลุยกวาดล้างการนำเข้ารถหรูเถื่อนหลายพันคัน
รถโบราณของสมเด็จช่วง ก็เข้าองค์ประกอบความผิดทางอาญาหลายข้อ เพราะเป็นรถเถื่อนหนีภาษีศุลกากร สรรพสามิต รวมถึงปลอมแปลงเอกสารการจดทะเบียน
แม้ว่าสมเด็จช่วงเอง จะไม่โดนคดีอาญา เพราะดีเอสไอพุ่งเป้าจับกุมบรรดาผู้ร่วมขบวนการนำเข้ารถเถื่อน และอัยการเองก็สั่งไม่ฟ้องพระเลขาฯ ของสมเด็จช่วง ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญ
แต่ความมัวหมองมีมลทิน ก็บังเกิดขึ้นกับตัวสมเด็จอย่างช่วยไม่ได้
การพลิกล็อกของตำแหน่งสังฆราช ยังเป็นผลเนื่องมาจากโฉมหน้าทางการเมืองที่เปลี่ยนขั้วอย่างฉับพลัน จากการรัฐประหารของบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แต่ไหนแต่ไรมา สมเด็จช่วงได้รับการสนับสนุนอุ้มชูจากวัดพระธรรมกาย แบบว่าผู้คนรู้กันทั้งบ้านทั้งเมือง โดยสมเด็จช่วง ถึงขั้นเป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับพระธัมมชโย
วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ก็อยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งของวัดพระธรรมกาย เพราะวัดพระธรรมกายอ้างว่า หลวงพ่อสด อดีตเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ เป็นผู้คนพบวิชาธรรมกาย
จนถือว่า วัดปากน้ำกับวัดพระธรรมกาย เป็นวัดพี่วัดน้องกัน
ขณะที่วัดพระธรรมกาย ก็มีฐานทางการเมืองอันแข็งแกร่ง ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของทักษิณทุกยุค แล้วก็ต่างตอบแทนกันและกันมาโดยตลอด
อัยการสูงสุดในยุคทักษิณ เคยสั่งไม่ฟ้องพระธัมมชโย เมื่อครั้งโดนคดียักยอกวัด จนกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม
ทุกปัจจัยบวกที่ว่ามา จะเห็นว่าสถานะของสมเด็จช่วงเวลานั้น หากพูดด้วยภาษาฆราวาสก็คือ เต็งจ๋า แบบไร้คู่แข่ง
แต่ระหว่างสมเด็จช่วง เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสังฆราชนั่นเอง ก็เกิดเหตุรัฐประหารเมื่อปี 2557 ตามมาด้วยการเข้ารื้อค้นและควบคุมสำนักจานบิน จนพระธัมมชโย กลายเป็นขอมดำดินมาจนทุกวันนี้
ในช่วงเวลาอันยากลำบากของวัดพระธรรมกาย สมเด็จช่วงก็ยังออกปากป้องวัดพระธรรมกายด้วย แต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่ ต่างพังทลายไปด้วยกันทั้งสมเด็จช่วงและพระธัมมชโย
เป็นสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ วัดราชบพิธฯ ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นสังฆราชองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อปี 2560
ขณะที่สมเด็จช่วงก็อาพาธหนัก จนเงียบหายไปนานหลายปี มาเป็นข่าวอีกที ก็เมื่อละสังขารเสียแล้ว
บางทีเรื่องของบุญวาสนาก็เป็นเรื่องจริง อย่าทำเป็นพูดเล่นไป