รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 6 ธ.ค.64 นำเสนอรายงานพิเศษ สืบจากขี้ คดีฆ่าเสือดำ รัดคอเปรมชัย
วันที่ 8 ธ.ค. 2564 จะเป็นวันประวัติศาสตร์ จะมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีเจ้าสัวเปรมชัยล่าเสือดำ
คดีจะออกหน้าไหน นาทีนี้ไม่มีใครรู้ได้ มีแต่ความเชื่อส่วนบุคคล วิพากษ์วิจารณ์กันไปคนละทางสองทาง
คนที่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม ฟันธงฉับ นายเปรมชัย กรรณสูตร เจ้าสัวอิตาเลียนไทย ได้ติดคุกงานนี้แน่นอน บ้างว่าผิดน่ะผิดแน่ แต่อาจได้รับโทษสถานเบา หรือมีโอกาส รอดก็เป็นไปได้
ในความเป็นจริง “ดุลพินิจ” ของแต่ละชั้นศาล ไม่เหมือนกันก็เป็นเรื่องปกติ คำพิพากษาก็สามารถออกมาได้ทุกหน้าอยู่แล้ว สุดแต่ “ดุลพินิจ” ของผู้ตัดสินคดี
ในคดีฆ่าเสือดำ ที่ทุ่งใหญ่นเรศวร จำเลยที่มีด้วยกัน 4 คน ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนายเปรมชัย รวม 16 เดือน ไม่รอลงอาญา
ศาลอุทธรณ์เพิ่มโทษนายเปรมชัย เป็นจำคุก 2 ปี 14 เดือน ไม่รอลงอาญา ท่ามกลางเสียงเฮของคนไทยทั่วประเทศ
สุดท้ายอยู่ที่การชี้ขาดของศาลฎีกา ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้
นับแต่วันเกิดเหตุฆ่าเสือดำ 4 กุมภาพันธ์ 2561 กว่าจะมาถึงวันนี้ ต้องสดุดีผู้เกี่ยวข้องในระดับชั้นต่างๆ ที่ต่างทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่หวั่นไหวต่ออิทธิพลใดๆ ของคนระดับเจ้าสัวหมื่นล้าน ท่ามกลางความโกรธแค้นคนฆ่า ประชาชนทั่วประเทศไทยร่วมกันเคลื่อนไหว ติดตามการสืบสวนสอบสวนคดี และส่งเสียงประกาศจุดยืนว่า “เสือดำต้องไม่ตายฟรี “
เริ่มจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ที่ผ่านทางมาเจอคณะของนายเปรมชัย ตั้งแคมป์พักแรมบริเวณห้วยปะชิ กึ่งกลางทางระหว่างหน่วยฯ ทิคอง กับหน่วยมหาราช
ด้วยไหวพริบของเจ้าหน้าที่ มีสัญชาตญาณรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติ จึงย่องสอดแนม จนพบว่ามีการลอบล่าสัตว์
เมื่อเรื่องถึงหูนายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ในขณะนั้น ก็รีบรุดมาจับกุมเจ้าสัวและคณะ โดยไม่เอนอ่อนหวั่นไหว ไปกับสินบนที่มีการเสนอให้
พร้อมตรวจยึดของกลางซากเสือดำ ซากไก่ฟ้าหลังเทา อาวุธปืน อุปกรณ์จับสัตว์ต่างๆ ได้ครบครัน
โดยเฉพาะหลักฐานสำคัญ คือ “กองขี้” ของคนท้องเสีย ถ่ายไว้บริเวณหน้ารถของนายเปรมชัย ซึ่งตรงนั้นก็เป็นจุดชำแหละ แล่เนื้อเถือหนังเสือดำ พอดี
งานนี้จึงเป็นการ “สืบจากขี้” เพราะเจ้าหน้าที่มั่นใจว่า ไม่มีลูกน้องหน้าไหน จะกล้านั่งขี้โล่งๆ ตรงหน้ารถของนายเปรมชัย ยกเว้นจะเป็นตัวนายเปรมชัยขี้เอง
อันแปลได้ว่า นายเปรมชัยก็ร่วมรู้เห็นทุกอย่างกับการจัดการซากเสือดำ ไม่ใช่อย่างที่เจ้าตัวให้การปฏิเสธในชั้นศาล อ้างว่าลูกน้องยิงเสือดำ ระหว่างตัวเองขับรถไปเที่ยวจุดอื่น
เมื่อพยานหลักฐานถึงมือตำรวจ ในความรับผิดชอบของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ. ตร . โดยมีมือไม้สำคัญชื่อ พล.ต.ท.สมบัติ มิลินทจินดา
แม้ขั้นตอนในชั้นพนักงานสอบสวน จะเต็มไปเสียงก่นด่าจากโลกโซเชียล จากความอคติของชาวบ้าน ที่มีต่อตำรวจเป็นทุนเดิม
แต่ พล.ต.อ.ศรีวราห์และคณะ ก็เดินหน้าทำคดีต่อไปอย่างไม่หวั่นไหว
และที่แสดงชั้นเชิงการสอบสวนอันเหนือชั้น คือการตั้งข้อหานายเปรมชัยและทุกคนว่า “ร่วมกันล่าเสือดำ” ไม่หลงกลเจาะจงว่านายเปรมชัยเป็นคนยิงเสือดำ
เหลี่ยมคดีมุมนี้ ทำให้นายเปรมชัยทยากจะดิ้นหลุด
เมื่อถึงชั้นพนักงานอัยการ ก็สั่งคดีอย่างตรงไปตรงมา ไม่ยอมเป็นโซ่ข้ออ่อนในกระบวนการยุติธรรม นำมาสู่คำตัดสินจำคุกเจ้าสัวอิตาเลียนไทย
ที่ต้องชื่นชมอย่างมาก เป็นการชิงจังหวะของศาลอุทธรณ์ ไม่เพียงแต่สั่งเพิ่มโทษนายเปรมชัย แต่ยังสั่งให้ติดกำไลอีเอ็มที่ข้อเท้านายเปรมชัยทันที เพื่อป้องกันการหลบหนี
จากวันนั้น เกือบครบสองปี ไม่นานกับการรอคอย จึงมีการนัดอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา
“เสือดำต้องไม่ตายฟรี” จะขลังอย่างที่กระแสสังคมเรียกร้องหรือไม่ อีกไม่กี่ชั่วโมง รู้เรื่อง!