(Police Focus)
ตำรวจ กก.สส.บก.น.3 และ สน.ฉลองกรุง ใช้เวลาติดตามแกะรอยเพียง 1 เดือน หลังทราบเบาะแสแก๊งเงินกู้ดอกเบี้ยโหดสัญชาติมังกร ในคราบแอปพลิเคชัน “เซลฟ์เซอร์วิส” ที่เข้ามาฝังตัวเปิดศูนย์คอลเซ็นเตอร์อยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี นานเกือบครึ่งปี จนสามารถกระชากหน้ากากบอสชาวจีนได้ 4 คน คนไทยอีก 28 คน ทำหน้าที่โทรศัพท์และแชตไลน์ทวงหนี้ ถึงขั้นข่มขู่ผู้เสียหายและเครือญาติ ทำให้เดือดร้อนและหวาดกลัวก่อนตัดสินใจเข้าแจ้งความ
พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม ผกก.สส.บก.น.3 เปิดเผยว่า ตำรวจตรวจยึดของกลาง โน้ตบุ๊ก 42 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ 64 เครื่อง พบว่า มีบัญชีที่เกี่ยวข้องกว่า 100 บัญชี เงินหมุนเวียนมากกว่า 100 ล้านบาท อยู่ระหว่างขยายผลผู้เกี่ยวข้องต่อไป สำหรับคดีดังกล่าวพื้นที่ บก.น.3 มีผู้เสียหาย 1 ราย ช่วงระหว่างวันที่ 18-24 ก.ย. เกิดหน้ามืดกู้เงินมาทั้งหมด 10 ครั้ง รวมแล้ว 200,000 บาท ทางแอปฯแจ้งว่า ภายใน 1 สัปดาห์ ต้องชำระเงินคืน 450,000 บาท เป็นการเรียกดอกเบี้ยเกินกฎหมายกำหนด
ตอนแจ้งดอกเบี้ยครั้งแรกอยู่ในกรอบของกฎหมาย แต่ทว่าพอใช้คืนกลับคิดเกิน ซึ่งผู้เสียหายก็ยอมจ่ายมาตลอด บางครั้งยัดเยียดโอนเงินมาให้โดยที่เจ้าตัวยังคิด (ไปกู้ตอนไหน) แล้วก็เป็นเช่นเดิม พอจะจ่ายคืนไม่ใช่ยอดเดิม รอบนี้ผู้เสียหายไม่อ่อนข้อ ยืนยันไม่จ่าย แอปฯจึงตามไปรังควานกับญาติใช้ความรุนแรงทางวาจา ข่มขู่ด่าทอเพื่อให้ชดใช้หนี้ แต่ไม่ได้ขู่ฆ่า หรือตามไปทวงถึงบ้านเหมือนแก๊งอื่นที่เคยเจอ ที่ผ่านมา เลือกไม่เข้าแจ้งความ เพราะไม่ได้ถูกข่มขู่
เชื่อว่า ยังมีผู้เสียหายจาก “เซลฟ์เซอร์วิส” อีกหลายคน ส่วนใหญ่เข้าแจ้งความที่ บก.ปอท.คนเดือดร้อนจริงๆ ถึงจะกู้ บางคนอาจติดเรื่องเครดิตธนาคารเงินกู้นอกระบบเป็นทางออกสำหรับเขา ได้เงินทันที แม้รู้ว่าดอกเบี้ยแพงก็ตาม ในฐานะตนเป็นตำรวจมองว่าควรไปกู้ในระบบที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือหน่วยงานราชการที่เปิดโอกาสมีความปลอดภัยกว่า ในแอปฯเราไม่รู้ที่มาที่ไป สุดท้ายอาจตกเป็นเหยื่อ ผลตามมาคือ ความเดือดร้อนส่งตรงถึงตัวเรา ลามไปครอบครัว เจ้าหน้าที่เองพยายามประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้
“คนพวกนี้เข้ามาหาเงินแบบนี้ ผมว่าเป็นโจร อาศัยว่ามีเงินแล้วมาจ้างคอลเซ็นเตอร์ ถามว่า พวกคนไทยที่รับจ้างรู้ไหมว่ามันผิด ผมว่าเขารู้ แต่อาจจะทำด้วยความจำเป็น แลกกับรายได้ แน่นอนว่า ส่งผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจ ความยากอยู่ที่ข้อมูลบางอย่าง เราหาเองไม่ได้ ต้องพึ่งหน่วยงานอื่น เช่น การตรวจสอบเส้นทางการเงิน บางทีล่าช้า กว่าจะสาวไปถึงคนจีนก็ในลำดับที่ 3-4 ส่วน 1-2 ยังเป็นคนไทย ยิ่งสาวยิ่งเจอคนจีนเยอะ การปราบปรามทางเทคโนโลยียังยากอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา”ผกก.สืบ 3 กล่าว
ผู้กำกับหนัด เล่าประวัติว่า เป็นชาว จ.ยโสธร เริ่มต้นอยากเป็น “ปลัดอำเภอหนุ่ม” แต่แล้วเข็มทิศชีวิตดันเบี่ยงเบนให้มาเป็นตำรวจ สัมผัสได้ว่าเป็นอาชีพมั่นคง และได้ช่วยเหลือประชาชน จบ นรต.รุ่น 43 ลงตำแหน่งแรก รอง สว.(สอบสวน) สน.ดินแดง ต่อด้วย สวป.สน.โชคชัย สวป.สน.วังทองหลาง สว.จร.สน.โชคชัย สว.จร.สน.พลับพลาไชย 1 สว.จร.สน.วังทองหลาง รอง ผกก.2 บก.สปพ. รอง ผกก.สส.บก.น.3 รอง ผกก.จร.สน.มีนบุรี แล้วขึ้น ผกก.สน.มีนบุรี และ ผกก.สส.บก.น.3 เข้าพรรษาที่ 4
รวมระยะเวลาอยู่ใน บก.น.3 นานกว่า 13 ปี ลิ้มลองงานสืบสวนครั้งแรกยศ พ.ต.ท.ตำแหน่ง รอง ผกก.สส.บก.น.3 คดีท้าทายและภาคภูมิใจเกิดขึ้นขณะเพิ่งย้ายมานั่ง ผกก.สส.บก.น.3 ในยุค “บิ๊กหยม” พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช เป็น ผบช.น.เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2561 “คดีหนุ่มหึงหวงฆ่าแฟนสาวนักบัญชีหั่นศพแยกออก 14 ชิ้น” ทิ้งริมถนนสามวา พื้นที่ สน.มีนบุรี ชุดสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาได้ภายใน 24 ชม. โดยอาศัยความพยายามทั้งกระบวนการสืบสวน และนิติวิทยาศาสตร์
“เราเจอศพในที่เกิดเหตุโดยไม่รู้ว่าเป็นใคร กระทั่งได้ลายนิ้วมือปรากฏว่าทราบชื่อ ข้อมูลเลยไปเร็ว คดีแบบนี้ถ้าไม่รู้ว่าผู้ตายเป็นใครนั้นยาก เพราะจะเชื่อมโยงไปถึงคนร้าย ฉะนั้น ทุกคดีเราทำงานแข่งกับเวลา ปิดคดีให้ได้ยิ่งเร็วยิ่งดี ยิ่งช้ายิ่งใช้งบประมาณเยอะ พยานหลักฐานก็เหลือน้อย ที่สืบ 3 มีคดีผมจะนั่งประชุมหัวโต๊ะ นอกจากบริหารยังเป็นผู้ปฏิบัติด้วย เกือบทุกครั้งลงพื้นที่ร่วมกับลูกน้อง กำชับเสมออย่าให้คนร้ายลอยนวล อย่าหมกคดี ที่สำคัญอย่ามีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ผมไม่ชอบ” พ.ต.อ.ถนัด วัย 57 ปี กล่าว
นามขานสืบสวน 3 กล่าวจบว่า นักสืบที่ดีในความคิดตนอยากแรกต้องใจรัก แม้ความรู้อาจไม่เยอะแต่ต้องใส่ใจและขยัน เราจับคนร้ายให้รวดเร็วเพื่อความสบายใจของผู้เสียหาย โดยเฉพาะคดีอุกฉกรรจ์เกี่ยวกับทรัพย์ ด้วยนิสัย แผนประทุษกรรม พอเงินหมดก็กลับมาก่อเหตุ ทำจนกว่าจะโดนจับ บางคนออกจากคุกแล้วมาก่อเหตุก็มี ทั้งนี้ ตนยึดหลัก “เราเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เรารับเงินเดือนหลวง เราต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”ภูมิใจได้รับใช้แผ่นดินในเครื่องแบบ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดจนเกษียณอายุราชการ