รายการ “ถอนหมุดข่าว” ทาง NEWS1 โดย นพรัฐ พรวนสุข บก.ข่าวการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เครือผู้จัดการ วันที่ 15 พ.ย.64 นำเสนอรายงานพิเศษ “สมยศ” ชงเอง กินเอง เงินเดือนนายกฯ ส.บอล “อ๊อดไม่อาย คนไทยอาย”
นอกจากผลงานไม่เข้าตาแล้ว ไปๆมาๆ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย สมัยสอง กำลังเผชิญวิบากกรรมครั้งร้ายแรง ซึ่งอาจกลายเป็นความผิดในคดีอาญา มีบทลงโทษถึงจำคุก
เป็นกรณีที่ผ่านการตีความจากกฤษฎีกาเรียบร้อยแล้ว ว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ได้รับเงินเดือนในตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอลโดยมิชอบ
เพราะตำแหน่งดังกล่าว รวมถึงกรรมการสมาคมฟุตบอล เป็นงานอาสา งานเสียสละ ไม่ใช่งานของลูกจ้าง จึงไม่สามารถรับเงินตอบแทนได้ แม้แต่บาทเดียว
แต่ พล.ต.อ.สมยศ และกรรมการสมาคม ต่างมีเงินเดือนประจำ โดย พล.ต.อ.สมยศ ได้รับเงินเดือนถึง 45,000 บาท
และคนที่อนุมัติจ่ายเงินเดือนให้ พล.ต.อ.สมยศ ก็ไม่ใช่ใคร เป็นตัว พล.ต.อ.สมยศเอง เรียกว่า ชงเอง กินเอง เสร็จสรรพ
ที่ผ่านมา สมาคมกีฬาทุกสมาคม ต่างก็รับรู้กฎเกณฑ์การไม่รับเงินเดือนกันดีอยู่แล้ว จึงไม่เคยมีสมาคมกีฬาใดๆ จะให้ผู้บริหารได้รับเงินเดือน ต่อให้สามารถหารายได้เก่งแค่ไหนก็ตาม
พอกฤษฎีกาตีความจบ ว่า “บิ๊กอ๊อด” ทำผิดจริง ก็มีการขยายผล เพื่อเอาผิดในคดีอาญา โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักร้องคนดัง ที่กำลังท็อปฟอร์ม เข้ายื่นหนังสือร้องเรียน ป.ป.ช. ในวันที่ 15 พ.ย.นี้
นั่นหมายถึงว่า พล.ต.อ.สมยศ อาจต้องเจอวิบากรรมหนัก เทียบเคียงกับคดี “4 กกต.” นำโดย พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เคยถูกศาลสั่งจำคุก 2 ปีมาแล้ว จากการอนุมัติขึ้นเงินเดือนตัวเอง เมื่อปี2553
นอกจากปัญหาเงินเดือนแล้ว พล.ต.อ.สมยศ ยังถูกครหาเรื่องให้บริษัทของลูกน้องใกล้ชิด มารับงานของสมาคมด้วย
ชีวิตของบิ๊กอ๊อด พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เหมือนว่าประสบความสำเร็จอย่างสูง เป็นตำรวจ ก็ขึ้นถึง ผบ.ตร. เกษียณราชการปุ๊บ ก็ได้งานเป็นนายกสมาคมฟุตบอลปั๊บ และเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือสนช . จนถึงปี2561
แต่ตอนเป็น ผบ.ตร. ฉายาที่บิ๊กอ๊อดได้รับจากสื่อก็ช่างเจ็บแสบ คือ “ผบ.ขายฝัน” เนื่องจากตอนรับตำแหน่งใหม่ๆ ได้ประกาศจะยกระดับคุณภาพชีวิตตำรวจผู้น้อยให้ดีขึ้น จะแก้ปัญหาตำรวจฆ่าตัวตายหนีความเครียด
แต่เอาเข้าจริง กลับไม่มีอะไรในกอไผ่ กลายเป็นรายการขายฝันล้วนๆ
วันดีคืนดี ผู้ประกาศข่าวสาวของช่อง 7 ก็เรียกชื่อผิดแบบเต็มปาก จาก “สมยศ” กลายเป็น “สมเย็ส” ทำเอาคนไทยฮากันไม่หวาดไหว ไม่รู้อะไรดลบันดาลให้คำดังกล่าว หลุดออกมาสนั่นจอ
มิหนำซ้ำ บิ๊กอ๊อดเองก็เคย “ปากพาจน” เมื่อดันพูดออกมาว่าตัวเองเป็น “ตำรวจไซด์ไลน์” ราชการก็แค่ทำไป แต่รายได้มหาศาลมาจากธุรกิจและการเล่นหุ้น
แถมไปสนิทสนมเป็นเพื่อนซี้กับผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์อย่าง “เสี่ยกำพล” นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของอาบอบนวดนิคตอเรีย ซีเคร็ท ซึ่งมีการนำเด็กสาวมาค้าประเวณี
โดยบิ๊กอ๊อดสารภาพออกสื่อ ว่าตัวเองเคยยืมเงินเสี่ยอาบอบนวดเป็นเงินถึง 300 ล้านบาท
เป็นถ้อยคำที่สร้างความมัวหมองให้กับตัวบิ๊กอ๊อดเอง ตลอดจนภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เมื่อรับตำแหน่งนายกสมาคมฟุตบอล พล.ต.อ.สมยศยังประดิษฐ์คำคมสุดคลาสสิกออกมา เมื่อกล่าวว่า “ใครไม่อาย ผมอาย”
โจมตี “ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง” โค้ชทีมชาติเวลานั้น ที่กำลังมีผลงานย่ำแย่ต่อเนื่อง
ว่าแล้วก็ “ขายฝัน” อีกครั้งว่า จะดึงโค้ชเก่งๆ ชาวต่างชาติ มายกระดับผลงานทีมช้างศึก ให้ได้ไปเล่นฟุตบอลโลก
ไม่ใช่เก่งแต่แถวอาเซียน แล้วก็พอใจอย่างที่ผ่านมา
ปรากฏว่า “ใครไม่อาย ผมอาย” กลายเป็นหอกกลับมาทิ่มแทงบิ๊กอ๊อด แฟนๆ ทีมช้างศึกเอาคำนี้มาขยี้ซ้ำๆ กันสนุกปาก
เมื่อปรากฏว่า การดึงโค้ชยอดฝีมือจากญี่ปุ่นมาคุมทีมของบิ๊กอ๊อด กลับทำผลงานดิ่งเหวอย่างหนัก จนไทยกลายเป็นทีมรองบ่อนในอาเซียนไปแล้ว แถมเล่นบอลกันแบบไม่มีทรง
เรียกว่า พล.ต.อ.สมยศ สอบไม่ผ่าน ทั้งผลงานของทีมชาติ และทั้งเรื่องเงินเดือนอื้อฉาว
“บิ๊กอ๊อดไม่อาย แต่คนไทยอาย” เป็นความรู้สึกเจ็บปวดของแฟนๆ ทีมช้างศึกในเวลานี้